Page 8 - จากบุตรช่างสู่บัลลังก์ศาล
P. 8
บอกได้เลยว่าชีวิต ณ ช่วงเวลานั้น จนถึงปริญญาตรีใกล้จะจบยังไม่คิดไม่ฝันว่า อาจารย์ที่เคารพนับถือหลายท่านแนะน าให้ลองไปฝึกที่ส านักงานอัยการจังหวัด
ชีวิตสุดท้ายแล้วจะมาถึงวันที่ได้ท างานในหน้าที่อันทรงเกียรติเช่นทุกวันนี้เลย เชียงใหม่ เพราะจะท าให้ผมได้เห็นการท างานของทั้งทางอัยการและศาลด้วยไป
ครับ ในตัว เพราะจะต้องติดสอยห้อยตามท่านอัยการไปว่าความที่ศาลด้วย จะท าให้
ผมมีโอกาสตัดสินใจได้มากยิ่งขึ้นว่าอยากจะเลือกสายงานไหน เมื่อผมได้ฝึกงาน
ไปเรื่อยๆ ก็จะพบกับผู้หลักผู้ใหญ่ในสายงานกฎหมาย ท่านก็คอยถ่ายทอด
ประสบการณ์ท างานของท่านให้ผมฟัง ผมเริ่มสนใจในงานด้านนี้มายิ่งขึ้นหลังจาก
ได้ติดสอยห้อยตามท่านอัยการที่ผมฝึกงานด้วยไปศึกษาการว่าความของท่านใน
บัลลังก์ ณ ศาลจังหวัดเชียงใหม่ และเห็นถึงความท้าทายในความยากประกอบ
กับความซับซ้อนของการท างานด้านนี้ ซึ่งจากที่ผมอ่านแต่ตัวบทกระบวนวิธี
พิจารณามาอย่างเดียวยังไม่เข้าใจจนมาถึงวันนี้ จึงเริ่มชื่นชอบการท างานในสาย
งานนี้อย่างมาก เลยมีความคิดในเบื้องต้นว่า ความรู้ของผมในตอนนั้น คงต้อง
สอบให้ได้ใบอนุญาตว่าความเป็นทนายความเสียก่อนจึงจะสามารถว่าความได้
ระหว่างฝึกงานผมมีโอกาสไปเจอท่านอัยการท่านหนึ่ง เดินมาตามโต๊ะ
เด็กฝึกงานก าลังนั่งดูเอกสารกันอยู่ แล้วท่านก็พูดขึ้นว่า “มีใครสั่งซื้อค าบรรยาย
เนติบัณฑิตไปแล้วบ้างไหม” ผมยอมรับว่า ณ เวลานั้น ยังไม่รู้จักค าว่า “เนติ
บัณฑิต” เลย ลองนึกภาพว่าขณะนั้นผมอยู่ปี ๔ (ใกล้จะจบปริญญาตรีแล้ว) แต่
ดนตรีสร้างเสริมชีวิต ยังไม่รู้จักเนติบัณฑิตคืออะไร แต่ถึงกระนั้นผมก็ไม่อายที่จะถามท่านอัยการท่าน
นั้นไปตรงๆ ว่า “เนติบัณฑิตคืออะไรหรือครับ” ท่านอัยการท่านนั้นก็ท าหน้า
แปลกใจอยู่สักครู่ แต่ท่านก็กรุณาอธิบายให้ผมฟังอย่างเข้าใจได้ง่ายๆ ว่า เป็น
แต่พอมาถึงช่วงจบชั้นปีที่ ๔ ภาคเรียนที่ ๑ ของปริญญาตรี ซึ่งทางคณะ การศึกษาขั้นต่อไปของเหล่านักกฎหมาย ซึ่งผู้ที่มีความต้องการจะสอบเป็นผู้
จะส่งไปฝึกงานตามสถานที่ราชการที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายต่างๆ ผมปรึกษากับ พิพากษาหรืออัยการไม่ว่าจะสนามไหนก็จะต้องมีคุณสมบัติส าคัญนี้ก่อน คือสอบ