Page 4 - GES2205 นันทนาการเพื่อคุณภาพชีวิต
P. 4
4 | G E S 2 2 0 5 นั น ท น า ก า ร เ พื่ อ คุ ณ ภ า พ ชี วิ ต
ตอนที่ 1.1 แนวคิดและทฤษฎีของนันทนาการ
เรื่องที่ 1.1.1 ปรัชญานันทนาการ
ปรัชญานันทนาการ มีพื้นฐานมาจากธรรมชาติ ธรรมชาติจะชี้ให้เรา
เห็นถึงวิธีการเคลื่อนไหวในชีวิตประจ าวัน เช่น การให้การศึกษานอกบ้าน หรือการศึกษาธรรมชาติ
ซึ่งเป็นการศึกษาตามหลักสูตรโดยใช้สื่อการเรียน หรือการปฏิบัติในการอยู่ค่ายพักแรม เหล่านี้เป็น
กระบวนการศึกษาเพื่อให้เกิดความซาบซึ้งในธรรมชาติ ซึ่งเป็นที่มาของการพักผ่อนหย่อนใจที่ท า
ให้เกิดการมีสุขภาพอนามัยดี จนเป็นผลท าให้มนุษย์มีวุฒิภาวะขึ้น
นักธรรมชาติวิทยา ได้สร้างทฤษฎีเกี่ยวกับการเล่นและนันทนาการขึ้น
จากพื้นฐานทางชีววิทยาและนายสเปนเซอร์ ซึ่งมีความรับผิดชอบในเรื่องเกี่ยวกับรายละเอียดของ
พลังงานเหลือใช้ ได้ค านึงถึงการเล่นของมนุษย์ เพื่อให้รู้จักใช้ให้เป็นประโยชน์ แต่ทั้งนี้ย่อมขึ้นอยู่
กับความสามารถที่มนุษย์จะจัดการกับสิ่งแวดล้อมได้ เพื่อให้เหมาะสมกับความพึงพอใจของ
ตนเอง
นายกรูส์ (Grous) ได้อธิบายวิธีการของ นายสเป็นเซอร์ว่า ได้น า
วิธีการมาใช้อย่างกว้างขวาง นายกรูส์เองได้อธิบายว่า พลังงานเหลือใช้จะมีประโยชน์ เฉพาะการ
เล่นที่ไร้จุดหมาย และเขาชี้ให้เห็นว่า จะต้องมีวิธีพักผ่านในขณะที่พลังงานขาดแคลน นายกรูส์ได้
เพิ่มเติมทฤษฎีการเล่น โดยได้ตั้งทฤษฎีเรียกว่า “การเตรียมตัวเพื่อชีวิต” ทฤษฎีของเขาได้ตั้งอยู่บน
ความเชื่อที่ว่า การเล่นเนื่องจากสันชาติญาณและพลังงานเหลือใช้ เขาได้เน้นว่าการเล่นคือการ
ได้รับความสุขส าราญ
แต่แนวคิดในลักษณะชีววิทยาและกายภาพของการเล่น ท าให้เกิด
ทฤษฎีทางจิตวิทยาขึ้น ซึ่ง Hall ได้ตั้งทฤษฎีเรียกว่า Inheritance หรือที่เรียกว่า ทฤษฎีสืบมรดก
เขาถือว่าการเล่นทุกอย่าง เป็นแนวโน้มทางพันธุ์กรรมนั้นหมายความว่า เด็กที่จะเกิดมาด ารงชีวิต
ในลักษณะของวัฒนธรรมที่บรรพบุรุษของเขาเคยปฏิบัติมา
ตามที่กล่าวมานี้จึงเป็นปัญหาว่า อะไรคือธรรมชาติที่ดี และไม่ดี ที่เรา
จะจัดไว้ในเรื่องของนันทนาการในปัจจุบัน และเราต้องรู้ว่าทฤษฎีเหล่านั้นสามารถน าไปใช้กับ
หลักการกระตุ้นให้คนอยากเล่นได้หรือไม่ แนวคิดทางปรัชญานันทนาการสาขาต่าง ๆ มีดังนี้
1.1.1.1 ปรัชญาจิตนิยมและวัตถุนิยม ปรัชญาเป็นวิชาการที่มุ่ง
อธิบายจักรวาลและธรรมชาติมุ่งอธิบายปัญหาต่าง ๆ อย่างกว้างขวาง และมุ่งที่จะอธิบายโลก
อธิบายธรรมชาติและมนุษย์โดยปกติแล้ว เราแบ่งสรรพสิ่งต่าง ๆบนโลก ออกได้ 2 ประเภท คือ
1) สิ่งที่ มีรูปร่าง มองเห็นได้ จับต้องได้ เราเรียกสิ่งเหล่านี้ว่า “วัตถุ” 2) สิ่งที่มองไม่เห็น ไม่มีตัวตน