Page 206 - เอกสารฝนหลวง
P. 206

ประมวลและยืนยันผลสัมฤทธิ์ฯ                                                                            เอกสารเฉลิมพระเกียรติฝนหลวง


                       สูงขึ้นในระดับเหนือขึ้นไปเป็นรูปคล้ายดอกเห็ดใกล้เคียงกับระเบิดปรมาณูอย่างนั้น  แต่ปรากฏว่า

                       เมื่อทําการทดลอง  ผลที่ได้เกิดฝนตกหนักมากถึง 40 มม. แม้ว่าเมฆจะก่อตัวพุ่งสูงขึ้นในลักษณะคล้าย
                       กับต้นคริสต์มาสสูงใหญ่   และไม่ใช่เป็นรูปดอกเห็ดเหมือนที่คาดไว้

                              การกระจายสลายเมฆได้ทดลองขึ้นครั้งแรกเมื่อตอนเดินทางกลับจากพิธีทางศาสนาที่บ้านโป่ง

                       โดยเฮลิคอปเตอร์ เมฆก้อนทะมึนก่อตัวขึ้นและดูจะขัดขวางการบินกลับ ได้ส่งเครื่องบินลําหนึ่งล่วงหน้า
                       เส้นทางบินไปก่อนไปโปรยแคลเซียมคลอไรด์ไปตลอดทางจนถึงจุดหมายปลายทาง คือพระตําหนัก

                       จิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต ประเทศไทย  ผลที่ได้ก็คือ เมฆฝนนั้นได้แยกออกเป็นเส้นทางบิน
                       กระจ่างซึ่งตลอดทางสองข้างปรากฏเป็นกําแพงเมฆมหึมาสองข้าง จนกระทั่งเมื่อถึงพระตําหนักจิตรลดาฯ

                       กําแพงทั้งสองข้างก็ปิดเข้าหากัน  และมีลมแรงมากจนเกือบทําให้เฮลิคอปเตอร์กลับลงสู่ฐานไม่ได้ทันที
                       หลังจากนั้นก็เกิดพายุฝนใหญ่รุนแรงมาก  การทดลองนี้จึงเป็นความสําเร็จในการกระจายเมฆฝนและ

                       ในขณะเดียวกันก็เป็นความสําเร็จในการทําฝน
                              การประดิษฐ์นี้ อธิบายการดัดแปรสภาพอากาศเพื่อการทําฝนและการเคลื่อนย้ายเมฆจากที่หนึ่ง

                       ไปยังพื้นที่เป้าหมายกําหนดไว้เพื่อโจมตีให้เกิดฝนในสภาวะการณ์ต่างๆ โดยทั่วไปมักมีนํ้ามากมาย
                       ในพื้นที่บริเวณหนึ่ง ในขณะที่อีกบริเวณใกล้เคียงกันแม้เพียงห่างไปแค่ 30 ไมล์ อาจเกิดสภาวะ

                       แห้งแล้งมาก  เทคโนโลยีฝนหลวงในปัจจุบันประสบความสําเร็จถึงขั้นก่อเมฆขึ้นในบริเวณหนึ่งที่มี

                       นํ้ามาก  เคลื่อนย้ายเมฆที่เกิดขึ้นไปยังที่ที่ต้องการนํ้าและโจมตีให้เกิดฝนในที่นั้น  การประดิษฐ์นี้จึง
                       นับเป็นหนึ่งในความสําเร็จทางเทคโนโลยีที่ยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ  ในการที่จะเอาชนะภัยธรรมชาติ

                       ในแง่การพัฒนาเทคโนโลยีที่ได้ประโยชน์สูงสุด เมื่อเทียบกับทรัพยากรที่ลงทุนไปเพื่อเคลื่อนย้ายนํ้า
                       จํานวนมหาศาลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง  ซึ่งหากใช้วิธีการอื่นในการเคลื่อนย้ายจะไม่สามารถทําได้

                       การดัดแปรสภาพอากาศโดยเทคโนโลยีฝนหลวงทําให้การเคลื่อนย้ายนํ้าในรูปของเมฆฝนเกิดขึ้น
                       ได้ป้องกันการเกิดนํ้าท่วม ในขณะเดียวกับทําการแก้ปัญหาภัยแล้ง  การทําฝนเกี่ยวข้องกับการก่อเมฆ

                       การเพิ่มขนาดของเมฆ  การเริ่มฝนและทําให้ฝนตกในพื้นที่เป้าหมาย  รวมทั้งการเพิ่มปริมาณฝน และ
                       ทําให้ฝนกระจายตัวสมํ่าเสมอเหนือพื้นที่เป้าหมาย  ได้ผลตามต้องการดีกว่าการปล่อยให้เกิดฝนขึ้น

                       ตามธรรมชาติ  เทคโนโลยีนี้สามารถใช้ได้กับหลายๆ สถานะการณ์เพื่อควบคุมการตกของฝน เช่น
                       ยกมวลเมฆที่ติดอยู่ให้พ้นยอดเขาเหนือลม  และโจมตีให้เกิดฝนยังพื้นที่ใต้ลมที่อีกด้านของภูเขา หรือ

                       ทําให้เกิดฝนในบริเวณแอ่งรวมนํ้าของอ่างเก็บนํ้า  หรือทําให้ฝนตกในบริเวณหุบเขา และอื่นๆ อีกมาก

                       เทคโนโลยีฝนหลวงยังสามารถใช้เพื่อ  ไม่ให้เกิดลูกเห็บที่จะทําความเสียหายให้แก่ชีวิตและพืชผลของ
                       ชาวบ้าน  และยังใช้เพื่อให้เส้นทางการบินโปร่ง เกิดทัศนวิสัยที่ชัดเจนได้ด้วย  สามารถก่อเกิดทั้งเมฆอุ่น
                       ซึ่งอุณหภูมิสูงกว่าจุดเยือกแข็งของนํ้า  และเมฆเย็นซึ่งอุณหภูมิตํ่ากว่าจุดเยือกแข็งของนํ้าด้วยการใช้

                       สารเคมีที่มีสมบัติทางฟิสิกส์และสมบัติในการดูดความชื้นต่างๆ กัน   เทคโนโลยีนี้ต้องใช้ความรู้ทาง

                       อุตุนิยมวิทยา (Meteorology)  ความรู้เกี่ยวกับอากาศ (Climatology) ศาสตร์ของการเกิดเมฆ (cloud

                       formation)  พัฒนาการของเมฆ (cloud evolution)   การเกิดฝน (rain formation) และ การสลายตัว

                                                              151
   201   202   203   204   205   206   207   208   209   210   211