Page 13 - ภาวะผู้นำทางการเมือง ทักษิณ E-BOOK
P. 13

หมายความว่า แม้ว่าผู้น าคนนั้นๆ ไม่ได้อยู่ในอ านาจแล้ว ผู้คนก็ยังเดินตามหรือท าตามในสิ่งที่ผู้น าเหล่านั้นพูด

               ไว้หรือปฏิบัติไว้เป็นแบบอย่าง

                          2. ผู้น าคือผู้ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่น าไปสู่ผลส าเร็จที่ดี ผลส าเร็จเป็นสิ่งที่วัดผลของภาวะ

               ผู้น าได้ดี ผู้น าที่แท้จริงอาจไม่ใช่ผู้น าที่อยู่ในต าแหน่ง หรือมีชื่อเสียงอย่างที่คนทั่วไปมองเห็นหรือรู้จัก แต่เขา

               สามารถท าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นได้จริง โดยคนทั่วไปไม่มีความรู้สึกว่าผู้น าก าลังแสดงอาการน าอยู่ ผู้น าที่

               เป็นทางการอยู่ในต าแหน่ง คนทั่วไปสามารถมองเห็นได้ด้วยตา ว่าเป็นผู้น าเพราะมีต าแหน่งหน้าที่ชัดเจน ที่

               หากไม่สามรถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจนเกิดผลส าเร็จที่ดีได้ การเป็นผู้น าก็ไม่มีความหมาย ดังนั้น ภาวะผู้น า

               จึงวัดกันด้วย “ผลที่เกิดจากการน า” ไม่ได้วัดกันที่ต าแหน่งหรืออาการที่แสดงว่าก าลังน าอยู่

                          เมื่อพิจารณาความหมายข้างต้นแล้วมาสามารถแบ่งผู้น าออกเป็น 3  กลุ่มด้วยกัน (พรอัมรินทร์

               พรหมเกิด. 2545 : 239-240) คือ

                          1. ผู้น าที่มีอ านาจแต่ไม่มีอิทธิพล ผู้น าเหล่านี้มักเป็นผู้น าที่มีอ านาจใหญ่โต เช่น ประธานธิบดี

               นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี นายพล ปลัดกระทรวง อธิบดี ประธานกรรมการบริษัท กรรมการผู้จัดการใหญ่ ฯลฯ

               บุคคลเหล่านี้มีอ านาจที่ทรงสิทธิตามฐานะของต าแหน่งที่ใหญ่โตที่ตนด ารงอยู่ แต่อาจไม่มีอิทธิพลก่อให้เกิดการ

               เปลี่ยนแปลงใดๆ ที่ส าคัญในสังคมหรือองค์กรที่พวกเขาสังกัดอยู่ เช่น นายกรัฐมนตรีหรือสมาชิกสภาผู้แทน

               ราษฎร ที่ไม่ได้สร้างประวัติศาสตร์หรือสร้างอิทธิพลที่ผู้คนอยากท าตาม เมื่อหมดอ านาจวาสนาลง คนทั่วไปได้

               กล่าวถึงเพียงแค่ “นักการเมืองธรรมดา” ที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แต่หากเขาได้สร้างอิทธิพลมีคุณค่าทิ้งไว้ให้คน

               กล่าวขวัญถึงผู้คนจะเรียกขานกันว่าเป็น “รัฐบุรุษ”

                          2. ผู้น าที่มีอิทธิพลแต่ไม่มีอ านาจ ผู้น าเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในต าแหน่งใหญ่โต แต่อาจเป็นผู้น าทาง

               ความคิด ผู้น าทางปัญญา ผู้น าที่มีเครือข่ายกว้าง ฯลฯ หากแต่อิทธิพลของพวกเขาตกทอดส่งต่อกันจากที่หนึ่ง

               ไปยังอีกที่หนึ่ง จากประเทศหนึ่งไปยังอีกประเทศหนึ่ง โดยเฉพาะยุคโลกาภิวัตน์ปัจจุบัน ผู้น าเหล่านี้ยิ่งสามารถ

               สร้างผลสะเทือนได้กว้างขวางและทรงอิทธิพลที่ท าให้มีผู้คนเดินตามหรือท าตามเป็นจ านวนมากและเป็นผู้น าที่

               สร้างการเปลี่ยนแปลงได้มากกว่าและยั่งยืนกว่า

                          3. ผู้น าที่มีทั้งอ านาจและอิทธิพล ผู้น าประเภทนี้มีต าแหน่งใหญ่โต ในขณะเดียวกันก็สามารถจน

               ผู้คนอยากเดินตาม ผู้น าเหล่านี้ได้แก่ ผู้น าทางการเมืองคนส าคัญๆ ของโลก



               ความแตกต่างระหว่างผู้น า (Leaders) กับหัวหน้า (Head)


                          “ผู้น า” ใช้การจูงใจด้วยภาวะผู้น า (Leadership) ใช้อ านาจบารมี (Power) ที่ภาษาไทยเรียกว่า

               “พระคุณ” จึงท าให้คนยอมรับปฏิบัติด้วยความเต็มใจ เรียกว่า คนเกรงใจ ส่วน “หัวหน้า” ใช้ภาวะความเป็น









                                                            8
   8   9   10   11   12   13   14   15   16   17   18