Page 14 - ภาวะผู้นำทางการเมือง ทักษิณ E-BOOK
P. 14
“หัวหน้า” (Headship) หรือความเหนือกว่า ใช้อ านาจบังคับ “บัญชา” (Authority) หรือ “พระเดช” ซึ่งคน
จะยอมรับหรือไม่ยอมรับก็ต้องปฏิบัติตาม เรียกว่า “คนเกรงกลัว” บางครั้งผู้น ากับหัวหน้า อาจไม่ใช่คนๆ
เดียวกัน ยกตัวอย่างในกรณีของรถเมล์ เราจะถือว่าคนขับรถเมล์เป็นผู้น า เจ้าของรถเมล์เป็นหัวหน้าและ
ผู้โดยสารเป็นผู้ตาม เป็นต้น ดังนั้น ถ้าจะสรุปความแตกต่างของค าว่าผู้น าและหัวหน้า โดยยึดเอาความหมาย
ของค าว่า “ผู้น า” ที่กล่าวไว้ข้างต้นมาอ้างอิง จะเห็นชัดเจนอีกมุมมองหนึ่งว่า
- ผู้น าต้องมีความสามารถในการชักจูงผู้อื่นและผู้ที่ท าตามก็ท าด้วยความ เต็มใจ ส่วนหัวหน้า
ไม่เน้นที่ความสามารถในการชักจูงผู้อื่น ผู้ที่ท าตามอาจท า เพราะเกรงกลัว ด้วยความเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ได้
ผู้น าเกิดขึ้นได้ตามสถานการณ์
- ผู้น าอาจมีมากกว่า 1 คน ไม่จ าเป็นต้องเป็น ต าแหน่งถาวร ผู้น าบางคนจึงไม่มีต าแหน่งเป็น
หัวหน้า ส่วนหัวหน้านั้น ไม่ขึ้น อยู่กับสถานการณ์ เป็นต าแหน่งถาวร มีเพียงคนเดียวในองค์กร หัวหน้าอาจ
มอบอ านาจให้คนอื่นท าแทนได้ และหัวหน้าบางคนอาจไม่มีภาวะผู้น า
- ผู้น ามาจากการเลือกตั้งหรือการยอมรับจากผู้อื่นโดยพฤตินัย ส่วนหัวหน้ามาจากการแต่งตั้ง
(สุเมธ แสงนิ่มนวล. 2552 : 6)
แนวคิดเกี่ยวกับภาวะผู้น า (Leadership)
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป. อ. ปยุตฺโต) (2546 : 4) กล่าวว่า ภาวะผู้น า คือ คุณสมบัติ เช่น
สติปัญญา ความดีงาม ความรูความสามารถของบุคคล ที่ชักน าให้คนทั้งหลายมาประสานกันและพากันไปสู
จุดหมายที่ดีงาม
กวี วงศ์พุฒ (อ้างถึงใน พัชรี ช านาญศิลป์. 2557 : 28) กล่าวว่า ภาวะผู้น า คือ การที่ผู้น าใช้
อิทธิพลในความสัมพันธ์ซึ่งมีอยู่ต่อผู้ใต้บังคับบัญชาในสถานการณ์ต่างๆ เพื่อปฏิบัติการและอ านวยการ โดยใช้
กระบวนการติดต่อซึ่งกันและกันเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมาย
John M. Pfiffiner และ Robert V. Presthus (อ้างถึงใน พรอัมรินทร์ พรหมเกิด. 2545 : 241)
กล่าวว่า ภาวะผู้น า คือ การที่ผู้น าใช้อิทธิพลหรืออ านาจหน้าที่ในความสัมพันธ์ซึ่งมีอยู่ต่อผู้ใต้บังคับบัญชาใน
สถานการณ์ต่างๆ เพื่อให้ปฏิบัติการและอ านวยการ โยใช้กระบวนการติดต่อสื่อสารซึ่งกันและกัน เพื่อให้
บรรลุผลตามเป้าหมายที่ก าหนดไว้
กล่าวโดยสรุป ภาวะผู้น าหรือความเป็นผู้น า คือ ความสามารถหรือคุณลักษณะของบุคคลหนึ่ง
ซึ่งไม่จ าเป็นต้องเป็นผู้น าหรือหัวหน้า ที่จะจูงใจหรือใช้อิทธิพลต่อบุคคลอื่น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงานหรือ
ผู้ใต้บังคับบัญชาโดยใช้กระบวนการสื่อความหมายเหนือการติดต่อสื่อสาร เพื่อให้เข้าร่วมงานและร่วมใจกับตน
ด าเนินการจนกระทั่งบรรลุผลส าเร็จตามเป้าหมาย
9