Page 15 - ภาวะผู้นำทางการเมือง ทักษิณ E-BOOK
P. 15
ค าว่า “ภาวะผู้น า” มีลักษณะเป็นมโนทัศน์ (Concept) ซึ่งเป็นนามธรรมในทางสังคมศาสตร์มี
ความหมายเสมือนเป็นสิ่งสร้างทางสังคม (Socially Construced) โดยค าที่เกิดมาควบคู่กับค าว่า “ผู้น า” หาก
ค าว่าผู้น าเปรียบเสมือนโครงสร้างส่วนตัวถังของรถยนต์ ค าว่า “ภาวะผู้น า” ก็เปรียบเสมือนกลไกต่างๆ ที่อยู่
ภายในตัวถังซึ่งท าหน้าที่ให้ตัวรถยนต์แล่นไปหรือผลิตประโยชน์ได้ ซึ่งรถยนต์จะแล่นไปหรือให้ประโยชน์ได้
อย่างพึงพอใจของผู้บังคับบัญชาแค่ไหน อย่างไรนั้น ก็ขึ้นอยู่กับกลไกภายในว่ามีการท างานเป็นอย่างไร (ชนิศร์
ชูเลื่อน. 2554 : 19) มีข้อสังเกตว่า ค าว่า “ภาวะผู้น าหรือความเป็นผู้น า” กับ “สถานภาพหรือต าแหน่ง” นั้นมี
ความแตกต่างกัน เช่น ในองค์กรธุรกิจและหน่วยงานรัฐบาลขนาดใหญ่บุคคลที่อยู่ในต าแหน่งสูงสุดอาจเป็น
เพียงผู้บริหารหรือข้าราชการหมายเลขหนึ่งเท่านั้น “ถ้าเขาไม่สามารถจูงใจให้สมาชิกของกลุ่มหรือองค์กรใน
สังคมเกิดความบันดาลใจจนมีจุดมุ่งหมายร่วมกันและรวมพลังกันปฏิบัติงานได้” ตามแนวคิดของ ประเวศ
วะสี (2542 : 43) สถานภาพหรือต าแหน่งจึงมีความแตกต่างกับภาวะผู้น า เพียงแต่ต าแหน่งที่มีสถานภาพสูง
ส่วนใหญ่มักมีประเพณีและค่านิยมบางอย่างที่ช่วยส่งเสริมความเป็นไปได้ของการเป็นผู้น า “พ่วงอยู่ด้วยเสมอ”
ภาวะผู้น า (Leaders) กับอ านาจ (Power)
พรอัมรินทร์ พรหมเกิด (2545 : 244-245) ได้อธิบายไว้ว่า โดยทั่วไปผู้น ามักมี “อ านาจ” อยู่ใน
ระดับหนึ่งที่สามารถจูงใจบรรดาสมาชิก แต่หลายคนก็มีอ านาจได้โดยไม่มีพรสวรรค์ของความเป็นผู้น าเลย
อ านาจของพวกเขาอาจมาจากเงินตรา จากความสามารถในการลงโทษหรือท าร้ายบุคคล จากการมีอาวุธ จาก
การควบคุมกลไกของสถาบันใดสถาบันหนึ่งหรือจากการมีธุรกิจสื่อสารต่างๆ อยู่ในมือ เป็นต้น ดังนั้น เผด็จ
การทหาร โจรที่จ่อปืนตรงสีข้างของคุณ หรือเจ้าพ่อผู้มีอิทธิพลจึงมีอ านาจ แต่พวกเขาเหล่านั้นอาจไม่มีภาวะ
ผู้น าหรือความเป็นผู้น าเลยก็ได้ นอกจากนี้แล้วในการศึกษาต้องไม่สับสนระหว่าง “ภาวะผู้น า” กับ “อ านาจ
โดยต าแหน่งหรืออ านาจหน้าที่ (Authority)” ซึ่งถือว่าเป็นอ านาจโดยชอบธรรม เช่น ต ารวจที่คอยตรวจจับรถ
กระท าผิดกฎหมายริมถนน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) เจ้าหน้าที่
กรมสรรพากร นายอ าเภอ ฯลฯ ต่างก็มีอ านาจตามความหมายนี้ทั้งสิ้น แต่การมีภาวะผู้น านั้นต้องอาศัยความ
พยายามและพลังงานสูงมากเกินกว่าที่คนทั่วไปยินดีทุ่มเทให้ ในกรณีที่เกิดความสับสนระหว่าง “ภาวะผู้น า”
และ “อ านาจโดยต าแหน่ง” มีผลเสียหายต่อองค์กรขนาดใหญ่ต่างๆ ซึ่งจะเห็นได้จากหน่วยงานของรัฐและ
บริษัทเอกชนทุกแห่ง ล้วนมีผู้บริหารที่คิดว่าต าแหน่งของตนในผังองค์กรนั้นพวกเขามี “ผู้ตาม” อยู่ส่วนหนึ่ง
ด้วย แต่แท้ที่จริงแล้วพวกเขาอาจไม่มีเลยก็ได้ ที่พวกเขามีก็แต่เพียง “ผู้ใต้บังคับบัญชา” เท่านั้น และคน
เหล่านั้นจะกลายเป็น “ผู้ตาม” หรือไม่ก็ย่อมขึ้นอยู่กับผู้บริหารคนนั้นๆ ว่ากระท าตัวเหมือน “ผู้น า” หรือไม่
ต่างหาก
10