Page 200 - การสืบสวนสอบสวน
P. 200

๑๙๓




                 ระมัดระวังอยางเปนนิตย เพราะวาการจับกุมบุคคลในตําแหนงทูตานุทูตยอมถือกันวา เปนการดูถูก
                 ดูหมิ่นตอประเทศซึ่งเปนตําแหนงทูตานุทูตของบุคคลเหลานั้น ถาหากวาบังเอิญมีบุคคลเชนนี้คนใด

                 ถูกจับกุมตํารวจตองปลอยตัวโดยพลัน
                               ขอ ๔๖  ความคุมกัน อยางเดียวกับที่กลาวมานี้ พึงไดแก ภริยาและบุตรของบุคคล

                 ในตําแหนงทูตานุทูต และคําวาบุคคลในตําแหนงทูตานุทูตนั้น ไมหมายความเฉพาะแตอัครราชทูต
                 หรืออุปทูต หมายความตลอดถึงเลขานุการและผูชวยประจําสถานทูตดวย

                               ขอ ๔๗  ตามประเพณีระหวางประเทศที่ใชกันอยูทั่วไป ความคุมกันจากอํานาจตํารวจ
                 ซึ่งเปนสิทธิแกอัครราชทูตหรืออุปทูตนั้น ยอมแผไปถึงลูกจางทุกชั้นของเขาดวยจะเปนเสมียน

                 หรือนักการ หรือคนเฝา หรือคนใชก็ตาม สิทธิอันนี้ไดใหแกอัครราชทูตและอุปทูต โดยความที่เห็น
                 แกทางอัธยาศัยไมตรีและเขาจะยอมสละสิทธินั้นเสียหรือไมตามแตเขาจะเห็นสมควรก็ได เพราะฉะนั้น

                 ลูกจางเชนวานี้เปนอันที่จะถูกจับกุม หรือเอาตัวไปชําระไมได นอกจากอัครราชทูตหรืออุปทูตซึ่งเปน
                 นายจางยินยอมใหทําได ดังนั้นกอนความยินยอมนี้จะใหโดยนายจางสงตัวลูกจางใหแกตํารวจ
                 หรือศาลหรือโดยไลลูกจางนั้นออกจากงานของตนก็ได ลูกจางคนใดซึ่งไดถูกไลออกจากการเปนลูกจาง

                 เชนนี้ พึงถูกจับกุมและชําระสําหรับความผิดใดๆ ที่ไดกระทําในเวลาที่ตนเปนลูกจางของอัครราชทูต
                 หรืออุปทูตนั้นได ถาผูใดที่ตํารวจจับกุม อางตนวาเปนลูกจางของสถานทูต หรืออัครราชทูต หรืออุปทูต

                 ใดๆ ใหตํารวจปลอยตัวทันที หรือตํารวจสงสัยวาความที่อางนั้นไมจริง ก็ใหทําการสอบถามสถานทูต
                 ที่เกี่ยวของโดยพลัน

                               ขอ ๔๘  บรรดาสถานที่และบริเวณ ซึ่งเปนสํานักของทูต หรือสถานทูตใดๆ นั้น อยูใน
                 ความคุมกันจากอํานาจตํารวจแหงทองถิ่นทั้งสิ้น ตํารวจจะเขาไปในสถานที่หรือบริเวณเหลานั้น

                 เพื่อกระทําการจับกุมหรือทอดบัตรหมายหรือกระทําการตรวจคนหรือการยึดอยางใดๆ ไมไดเปนอันขาด
                 นอกจากยื่นคําขอรองตอบุคคลในตําแหนงทูตานุทูต และไดรับความยินยอมของผูนั้นเสียกอนแลว

                 จึงจะเขาไปกระทําการดังกลาวแลวนั้นได
                               ขอ ๔๙  กงสุล รองกงสุล และผูรับมอบหมายในกิจการกงสุลนั้นไมมีสิทธิที่จะไดรับ

                 ความคุมกันจากอํานาจตํารวจ เวนไวแกบุคคลนั้นๆ มีตําแหนงในทางทูตเพิ่มอยูดวย เฉพาะใน
                 ประเทศไทย เจาพนักงานฝายการกงสุลนี้มีตําแหนงทูตานุทูตเพิ่มอยูดวยโดยมาก ดวยเหตุนี้ในขั้นตน

                 ตํารวจพึงสันนิษฐานไวกอนในทุกกรณีวา บุคคลเหลานั้นมีฐานะในทางทูตานุทูตอยูดวยและใหปฏิบัติการ
                 แกเขาตามสมควรแกฐานะนั้น ถาและปรากฏขึ้นภายหลังวาผูใดไมไดมีตําแหนงในทางทูตานุทูต

                 จะฟองรองผูนั้นก็ไมยาก บรรดาหนังสือราชการหรือที่เก็บหนังสือราชการของตําแหนงกงสุลอยูใน
                 ความคุมกันจากการตรวจคนและยึดทั้งสิ้น
                               ขอ  ๕๐  ปญหาทั้งปวงในเรื่องความคุมกันของบุคคลในตําแหนงทูตานุทูตหรือ

                 ในเรื่องยอมสละสิทธิ์แหงความคุมกันนั้น ถามีขึ้นบอกมาโดยทางราชการตางประเทศ ก็คงจะระงับได

                 โดยไมลําบาก เพราะฉะนั้นตํารวจจึงพึงหลีกเลี่ยงการที่จะยกปญหาเชนนั้น ขึ้นวากลาวโดยตรงกับบุคคล
   195   196   197   198   199   200   201   202   203   204   205