Page 149 - รายงานการวิจัย การพัฒนารูปแบบดูแลสุขภาพผู้สูงอายุด้วยหลักพุทธธรรม วัดสุคนธาราม อำเภอบางซ้าย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา.
P. 149
135
3
จังหวัดบุรีรัมย์ ผลการวิจัยพบว่า สุขภาวะด้านร่างกายผู้สูงอายุส่วนใหญ่ร่างกายแข็งแรงแต่มีโรค
ประจ าตัวที่พบมากที่สุด ได้แก่โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคความดันโลหิต สามารถเคลื่อนไหวและ
ท ากิจวัตรประจ าวันได้ด้วยตนเอง แต่ส่วนใหญ่ไม่สามารถขึ้นลงบันไดจากชั้นล่างของอาคารไปยังชั้น
บนได้เองเพราะมีอาการปวดขา ปวดเข่า ท าให้เดินล าบากต้องอาศัยคนช่วยพยุง ยังกลั้นปัสสาวะ
อุจจาระได้ตามปกติ นอนหลับน้อยกว่า 5 ชั่วโมงต่อวัน ครึ่งหนึ่งมีการออกก าลังกายอย่างสม่ าเสมอ
ซึ่งสามารถอธิบายได้ด้วยทฤษฎีผู้สูงอายุว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของผู้สูงอายุ ของกุลยา ตันติวา
4
อาชีวะ กล่าวว่า “...ปรากฏการณ์ของความมีอายุนั้น จะด าเนินไปอย่างช้าๆเมื่อเลยวัยกลางคนไป
แล้วร่างกายจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์เนื้อเยื่อ ความเต่งตึงลดลง
กล้ามเนื้อลดความแข็งแรงขาดความกระฉับกระเฉง ขาดความไวในการตอบสนองต่อสิ่งเร้า
ความสามารถในการท างานประสมประสานกันของระบบประสาทและกล้ามเนื้อถดถอย ซึ่งการ
เปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นกับทุกระบบของร่างกาย แต่ในอัตราและระยะเวลาที่ต่างกัน...”
5.2.2. จากวัตถุประสงค์ของการวิจัย เพื่อประเมินรูปแบบการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ
ด้วยหลักพุทธธรรมของวัดสุคนธาราม ต าบลเทพมงคล คณะผู้วิจัยได้น ารูปแบบการส่งเสริมสุขภาพ
ของผู้สูงอายุด้วยหลักพุทธธรรมไปปรับปรุงตามข้อเสนอแนะของกลุ่มตัวอย่าง โดยเพิ่มจ านวนเวลา
การออกก าลังกาย เพิ่มกิจกรรมการออกก าลังกาย แล้วท าการประเมินผลรูปแบบการดูแลสุขภาพของ
ผู้สูงอายุด้วยหลักพุทธธรรมในระยะที่ 2 (หลังการปรับปรุง) ซึ่งประกอบด้วยการรับรู้ในด้านกาย
ภาวนา ศีลภาวนา จิตภาวนา และปัญญาภาวนา การสร้างแรงจูงใจให้เกิดความพยายามปฏิบัติตาม
หลักภาวนา 4 อย่างต่อเนื่องและสม่ าเสมอ ด้วยการทดสอบสมมุติฐานใช้ค่าสถิติ Paired t-test “การ
เรียนรู้จากการเข้าร่วมโครงการวิจัย และผลการฝึกปฏิบัติในการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุด้วยหลัก
พุทธธรรม ระหว่างก่อนและหลังการปรับปรุงรูปแบบการพัฒนาการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุด้วยหลัก
พุทธธรรม แตกต่างกัน” ผลการทดสอบ มีดังนี้
1) การเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยระดับความรู้การดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุด้วยหลักพุทธธรรม
ระหว่างก่อนการปรับปรุงและหลังการปรับปรุงรูปแบบ พบว่า แตกต่างกันอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่
ระดับ .05 ยกเว้นการดูแลอนามัยส่วนบุคคล และการป้องกันโรค “ไม่แตกต่างกัน” p – value > .05
2) การเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยระดับการฝึกปฏิบัติในการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุด้วยหลัก
พุทธธรรมระหว่างก่อนและหลังการปรับปรุงรูปแบบ พบว่า แตกต่างกัน ทุกด้าน อย่างมีนัยส าคัญทาง
สถิติที่ระดับ .05
สอดคล้องกับผลการวิจัยของ จุรีวรรณ มณีแสง และคณะ เรื่อง ประสิทธิผลของการสร้าง
5
เสริมสุขภาพแบบมีส่วนร่วมต่อสุขภาพผู้สูงอายุจังหวัดปทุมธานี .พบว่า ผู้สูงอายุหลังเข้าร่วมโครงการ
3 สมบัติ ประจญศานต์ และคณะ, แนวทางพัฒนาสุขภาวะด้านสังคมของผู้สูงอายุในพื้นที่ล้าน้้าห้วย
จระเข้มาก จังหวัดบุรีรัมย์,วารสารวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฎบุรีรัมย์ ปีที่ 9 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม-ธันวาคม
2557 หน้า 24.
4 กุลยา ตันติวาอาชีวะ, คู่มือผู้สูงอายุสุขภาพสูงวัย ดูแลได้ด้วยตัวเอง,หน้า 18-41,
5 จุรีวรรณ มณีแสง และคณะ, ประสิทธิผลของการสร้างเสริมสุขภาพแบบมีส่วนร่วมต่อสุขภาพ
ผู้สูงอายุจังหวัดปทุมธานี, www.western.ac.th/media/attachments/2017/09/13/elderly2.