Page 150 - รายงานการวิจัย การพัฒนารูปแบบดูแลสุขภาพผู้สูงอายุด้วยหลักพุทธธรรม วัดสุคนธาราม อำเภอบางซ้าย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา.
P. 150
136
สร้างเสริมสุขภาพแบบมีส่วนร่วมมีความรู้ การรับรู้ และความคาดหวังของการปฏิบัติตน และมี
พฤติกรรมการดูแลสุขภาพตนเอง สูงกว่าก่อนเข้าร่วมโครงการ อย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .05
และจากการเปรียบเทียบพฤติกรรมการสร้างเสริมสุขภาพก่อนและหลัง เข้าร่วมโครงการ พบว่า มี
ความแตกต่างอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติ (P < .05) โดยหลังเข้าร่วมโครงการ ผู้สูงอายุมีพฤติกรรมการ
บริโภคอาหาร การออกก าลังกาย และการจัดการความเครียดอยู่ในระดับดี ซึ่งสูง กว่าก่อนเข้าร่วม
โครงการ และผลการวิจัยของกิตติมาพร โลกาวิทย์ เรื่อง ภาวะสุขภาพและพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพ
6
ของผู้สูงอายุในชุมชนจังหวัดปทุมธานี พบว่า กลุ่มตัวอย่างมีภาวะสุขภาพโดยรวมอยู่ในระดับดี (X =
3.41) เมื่อ พิจารณารายด้านพบว่า ภาวะสุขภาพด้านร่างกาย : ความสามารถในการปฏิบัติกิจวัตร
ประจ าวัน อยู่ในระดับดี (X = 3.40 ) และพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพของผู้สูงอายุอยู่ในระดับดี (X =
3.11) โดยพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพด้านความรับผิดชอบต่อสุขภาพดีที่สุด ส่วนด้านออกกก าลัง กาย
ส่วนมากอยู่ในระดับไม่ดี ภาวะสุขภาพมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพอย่างมี นัยส าคัญ
ทางสถิติที่ระดับ .01 (r = .65) อายุมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพอย่างมี นัยส าคัญทาง
สถิติระดับ .01 (r = -.19) สถานภาพสมรสมีความสันพันธ์กับพฤติกรรมส่งเสริม สุขภาพอย่างมี
นัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (r = .-09) รายได้มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพอย่างมี
นัยส าคัญทางสถิติ .01 (r = .31) ส่วนเพศไม่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพ
5.2.3 จากวัตถุประสงค์ของการวิจัย เพื่อพัฒนารูปแบบการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุด้วย
หลักพุทธธรรมของวัดสุคนธาราม ต าบลเทพมงคล คณะผู้วิจัยได้น ารูปแบบการดูแลสุขภาพของ
ผู้สูงอายุด้วยหลักพุทธธรรมที่ผ่านการทดลองแล้วน ามาทดลองกับกลุ่มตัวอย่างในระยะที่ 1(ก่อนการ
ปรับปรุงรูปแบบ) และระยะที่ 2 (หลังการปรับปรุงรูปแบบ) แล้วท าการประเมินผลรูปแบบการดูแล
สุขภาพของผู้สูงอายุด้วยหลักพุทธธรรม ซึ่งประกอบด้วยการรับรู้ในด้านกายภาวนา ศีลภาวนา จิต
ภาวนา และปัญญาภาวนา การสร้างแรงจูงใจให้เกิดความพยายามปฏิบัติตามหลักภาวนา 4 อย่าง
ต่อเนื่องและสม่ าเสมอ ผลการประเมินสรุปได้ ดังนี้
1) ด้านความรู้ในการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ พบว่า ก่อนการปรับปรุงรูปแบบ มีระดับ
ความรู้ในการดูแลสุขภาพตนเองในระดับค่อนข้างสูงร้อยละ 79.4 ส่วนใหญ่มีระดับความรู้สูงมากที่สุด
ในด้านการพัฒนากาย(กายภาวนา) และด้านการพัฒนาจิต(จิตภาวนา) คิดเป็นร้อยละ 100 หลังการ
ปรับปรุงรูปแบบมีระดับความรู้ในการดูแลสุขภาพตนเองในระดับสูงร้อยละ 89.1 ส่วนใหญ่มีระดับ
ความรู้สูงมากที่สุดในด้านการพัฒนากาย(กายภาวนา) และด้านการพัฒนาจิต(จิตภาวนา) คิดเป็นร้อย
ละ 96.0
2) ด้านการฝึกปฏิบัติในการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุด้วยหลักพุทธธรรม พบว่า ก่อนการ
ปรับปรุงรูปแบบมีระดับการฝึกปฏิบัติเป็นประจ าเฉลี่ยร้อยละ 61.2 ส่วนใหญ่มีระดับการฝึกปฏิบัติ
เป็นประจ ามากที่สุดด้านการพัฒนาทางด้านสังคม(ศีลภาวนา) คิดเป็นร้อยละ 84.0 หลังการปรับปรุง
รูปแบบมีระดับการฝึกปฏิบัติเป็นประจ าเฉลี่ยร้อยละ 75.4 ส่วนใหญ่มีระดับการฝึกปฏิบัติเป็นประจ า
มากที่สุดด้านการพัฒนาทางด้านสังคม(ศีลภาวนา) คิดเป็นร้อยละ 92.7
6 กิตติมาพร โลกาวิทย์,ภาวะสุขภาพและพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพ ของผู้สูงอายุในชุมชนจังหวัด
ปทุมธานี,วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยปทุมธานี, ปีที่5 ฉบับที่1 มกราคม – เมษายน 2556,หน้า 194.