Page 73 - หนังสือจรัมบุญ ที่ระลึก ๑๒๓ ปีชาตกาล งานวันมูลนิธิสมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณฺณสิริหาเถร) ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๒.
P. 73
พระอัสสชิ ได้อาหารบิณฑบาตพอสมควรแล้ว ไปนั่งฉันในที่
อันสะดวกด้วยน�้า ครั้นเสร็จภัตตกิจแล้ว อุปติสสปริพพาชกจึงเข้าไป
ใกล้ถามว่า อินทรีย์ของท่านงดงามนัก ท่านบวชอุทิศใคร และใครเป็น
ศาสดาของท่าน ท่านสอนให้ปฏิบัติอย่างไร
พระอัสสชิท่านคิดว่า ธรรมดาปริพพาชกเป็นเสี้ยนหนามต่อ
พระพุทธศาสนา เราจ�าต้องแสดงธรรมให้ลึก จึงตอบอุปติสสปริพพาชกว่า
เราศึกษาในลัทธิของพระสมณะโคดม พระสมณะโคดมเป็นบรมศาสดา
ของเรา ตัวเรานี้เข้ามาสู่พระธรรมวินัยนี้ไม่นานนัก จึงมีความรู้ในธรรม
ยังไม่กว้างขวาง อุปติสสปริพพาชกพูดว่า ไม่เป็นไรหรอกพระคุณท่าน
ธรรมนั้นๆ จะตื้นลึกหนาบางอย่างไรก็ไม่ว่า ขอให้เป็นข้อธรรมที่
พระบรมศาสดาของท่านตรัสสอนก็แล้วกัน พระอัสสชิจึงเริ่มแสดง
อริยสัจจธรรมแก่อุปติสสปริพพาชกว่า
เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา เตสํ เหตุ ตถาคโต
เตสญฺจ โย นิโรโธ จ เอวํวาที มหาสมโณ
ธรรมทั้งหลายเกิดแต่เหตุ พระตถาคตกล่าวเหตุของธรรม
เหล่านั้น และความดับของเหตุ มหาสมณะมีปกติตรัสอย่างนี้
เมื่ออุปติสสปริพพาชก ได้ฟังหัวใจของอริยสัจธรรมที่พระอัสสชิ
น�าออกแสดง เพราะมีบารมีธรรมอบรมมาดีแล้วในอดีตชาติ จึงซาบซึ้ง
ถึงพระธรรมนั้น ทราบว่าพระพุทธเจ้าตรัสเหตุของธรรม เมื่อดับเหตุ
เสียแล้วสิ่งทั้งหมดเป็นอันดับสิ้น ได้ทราบถึงความหมายของธรรมนั้น
ตั้งร้อยตั้งพันนัย
อุปติสสปริพพาชก ได้ฟังธรรมนั้นตนเองได้ดวงตาเห็นธรรม
จึงได้น�าเรื่องที่กล่าวมาแล้วนั้นไปบอกให้โกลิตะสหายฟัง โกลิตะหรือ
โมคคัลลานะได้ดวงตาเห็นธรรมเช่นเดียวกับสารีบุตร จึงปรึกษาตกลง
กันว่าจะเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า เพื่อสมัครเป็นพุทธสาวกต่อไป
47
จรัมบุญ