Page 85 - 8ศิลปศึกษา ทช11003.indd
P. 85
78
ภาคใตประกอบการละเลนแสดงตาง ๆ เชน ดนตรีโนรา ดนตรีหนังตะลุง ที่มีเครื่องดนตรีหลัก
คือ กลอง โหมง ฉิ่ง และเครื่องดนตรีประกอบผสมอื่น ๆ ดนตรีลิเกปาที่ใชเครื่องดนตรีรํามะนา
โหมง ฉิ่ง กรับ ป และดนตรีรองเง็งที่ไดรับแบบอยางมาจากการเตนรําของชาวสเปนหรือ
โปรตุเกสมา ตั้งแตสมัยอยุธยา โดยมีการบรรเลงดนตรีที่ประกอบดวย ไวโอลิน รํามะนา ฆอง
หรือบางคณะก็เพิ่มกีตารเขาไปดวย ซึ่งดนตรีรองเง็งนี้เปนที่นิยมในหมูชาวไทยมุสลิมตาม
จังหวัดชายแดน ไทย – มาเลเซีย ดังนั้น ลักษณะเดนของดนตรีพื้นบานภาคใตจะไดรับ
อิทธิพลมาจากดินแดนใกลเคียงหลายเชื้อชาติ จนเกิดการผสมผสานเปนเอกลักษณเฉพาะ
ที่แตกตางจากภาคอื่น ๆ โดยเฉพาะในเรื่องการเนนจังหวะและลีลาที่เรงเรา หนักแนน และ
คึกคัก
1.3 ใหผูเรียนลองหัดเลนดนตรีพื้นบานจากผูรูในทองถิ่นแลวนํามาเลนใหชมในชั้นเรียน
ใหหาเครื่องดนตรีพื้นมาหัดเลนโดยศึกษาการเลนจากผูรูในหมูบาน
1.4 ผูเรียนมีแนวความคิดในการอนุรักษเพลงพื้นบานในทองถิ่นของผูเรียนอยางไรบาง
ใหผูเรียนบันทึกเปนรายงานและนําแสดงแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในชั้นเรียน
การอนุรักษเพลงพื้นบาน
การอนุรักษเพลงพื้นบานใหคงอยูอยางมีชีวิตและมีบทบาทเหมือนเดิมคงเปนสิ่งที่
เปนไปไมได แตสิ่งที่อาจทําไดในขณะนี้ก็คือการอนุรักษ เพื่อชวยใหวัฒนธรรมของชาวบานซึ่ง
ถูกละเลยมานานปรากฏอยูในประวัติศาสตรของสังคมไทยเชนเดียววัฒนธรรมที่เราถือเปนแบบ
ฉบับ สรุปไดดังนี้
2.1 การอนุรักษตามสภาพดั้งเดิมที่เคยปรากฏ หมายถึงการสืบทอดรูปแบบเนื้อหา
วิธีการรอง เลน เหมือนเดิมทุกประการ เพื่อประโยชนในการศึกษา
2.2. การอนุรักษโดยการประยุกต หมายถึงการเปลี่ยนแปลงรูปแบบและเนื้อหาให
สอดคลองกับสังคมปจจุบันเพื่อใหคงอยูและมีบทบาทในสังคมตอไป
2.3. การถายทอดและการเผยแพรเปนสิ่งสําคัญที่ควรกระทําอยางจริงจัง และ
ตอเนื่องเพื่อไมใหขาดชวงการสืบทอด การจูงใจใหคนรุนใหมหันมาฝกหัดเพลงพื้นบานนั้นทํา
ไดยาก แตวิธีการที่นาจะทําได ไดแก เชิญศิลปนอาชีพมาสาธิตหรือแสดง เชิญศิลปน
ศิลปศึกษา ระดับประถมศึกษา : (ทช11003) 85
ส�ำนักงำน กศน.จังหวัดกำฬสินธุ์