Page 411 - หนังสือเมืองลับแล(ง)
P. 411

๗. ศึกชนช้างหมื่นด้งนคร



                      การสงครามครั้งนั้นเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการตั้งแต่คราวนี้เอง ในช่วงระหว่างสงครามนั้นทั้งเชียงใหม่
               และพิษณุโลกต่างก็ส่ง “อุปนิกขิต” หรือสายลับปลอมตัวไปสืบข่าวในเมืองของฝ่ายตรงกันข้าม ครั้งนั้น

               เชียงใหม่ส่ง “หานไสสูง” ให้ตัดผมแต่งตัวเหมือนชาวใต้และย่อมพูดภาษาไทยกลางได้ดีไปฟังรหัสหรือไปหา

               ความลับในเมืองพิษณุโลก และฝ่ายชาวใต้ก็ส่ง “หานพรหมสะท้าน” ให้ปลอมตัวมาฟังรหัสในเชียงใหม่ หาน
               พรหมสะท้านสังเกตดูก็ตระหนักว่าต้นนิโครธที่ตั้งอยู่ในทิศอิสานของเมืองเชียงใหม่นั้นเป็นสรีเมืองทำให้เมือง

                                                                                                        ิ
               เชียงใหม่มีเดชานุภาพมาก วันหนึ่งหานพรหมสะท้านแทรกผู้คนเข้ามาทางประตูเชียงเรือก แต่นายประตูเห็นผด
               สังเกตจึงกุมตัวไว้แล้วส่งให้พนักงานสอบสวนได้ความว่า “พระยาปรัมมราชาแส้งใช้ข้ามาดูรหัสในเมือง
               เชียงใหม่” พระญาติโลกราชครั้นทราบความก็บอกว่าทรงใช้ทัพเสนาหลายทัพออกไปตีเมืองต่างๆ อยู่ แล้วให้

               นำตัวหานพรหมสะท้านไปอยู่ที่ศาลากลางตลาดประตูหัวเวียง (ประตูช้างเผือก) แล้วให้ผู้คนทำทีว่ายกมารวม
                                                       ื
               พลกันเป็นหลายทัพแล้วยกออกไปทางเชียงโฉมคอทางทิศเหนือ จากนั้นจึงให้ส่งตัวหานพรหมสะท้านกลับคืนไป
               ทั้งนี้เพราะเจ้าเหนือหัวต้องการลวงให้สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถยกมาโดยประมาท และเหตุการณ์นี้ก็ด ู

               สัมฤทธิ์ผล
                      ใน พ.ศ. ๒๐๐๐ สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถเข้าพระทัยว่าพระญาติโลกราชยกทัพไปเมืองอื่น จึงโปรด

               ให้จัดทัพแล้วพระองค์และพระอินทราชาก็ยกทัพหลวงมาอยู่ริมน้ำแม่ราชธานี เมืองสุโขทัย แล้วยกทัพไปยัง

                          1
               เมืองลิสบทีน  ทางนครลำปาง
                                                                   ี่
                      ส่วนทัพเจ้าพระญาติโลกราชและทัพหัวเมืองยกไปตั้งทเชิงดอยบา (ดอยขุนตาล) ครั้นทัพอื่นยกตามไป
               ถึงก็โปรดให้กระจายไปในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะบริเวณที่ตั้งทัพของพระญาสองแควนั้นมีหนองน้ำและทิวไผ ่

               ประกบอยู่ถึงสองด้าน

                      ครั้นสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถให้สายลับไปสืบความจนรู้ว่าพระญาสองแคว (ยุทธิษเฐียร) ตั้งทัพอยู่ท ี่
               ใดแล้ว ก็ว่า “พระญาปรัมมราชาว่า อันชักหื้อเปนเสิกนี้ ค็แม่นพระญาสองแควนี้แล” และทรงปรารภว่ามี

               ผู้ใดจะอาสาไปโจมตีพระญาสองแควบ้าง เมื่อนั้นพระราชโอรสพระอินทราชา ขุนเพชรรัตน์เจ้าเมือง

                                                                                                      ้
               กำแพงเพชร และขุนราชอาสา เจ้าเมืองสุโขทัย รับอาสาว่า “จักอาสาผ่าทับพระญาหมาขี้เรื้อนนั้นหื้อไดแล”
               ทั้งสามยกทัพออกไปตอนเที่ยงคืนแต่พระญาสองแควรู้ทันจึงเตรียมช้างชื่อมหาพินายออกศึกและสามารถ

               ประจัญทัพช้างศึกทั้งสามและผลกลงไปในหนองน้ำทั้งหมดในเวลาไล่เลยกัน ครั้งนั้นเกิดการอื้ออึงโกลาหลมาก
                                          ั
                                                                         ี่
               นัก พระญาติโลกราชจึงให้ทัพต่างๆ เจ้าแช่สักขี่ช้างมังคละ หมื่นจ่าซ่อยขี่ช้างขวัญเพชร พวกเจ็ดช้างผู้เสนาขี่
               ช้างภูบาล หมื่นด้งนคอร (ด้งนคร) ขี่ช้างไชยสงคราม ยกไปช่วยพระญาสองแควโดย “หื้อรุมกล้องรุมหน้าถูก





                      1  “ลิ – สบ – ทีน” คือ บริเวณทางแยกเมืองลี้ จังหวัดลำพูน และเมืองเถน จังหวัดลำปาง ซึ่งอาจอยู่ตำบลแม่ปะ
                                                                          ิ
               อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง (ตรงใจ  หุตางกูร, ๒๕๖๑ : ๔๗)

                                     เจ้าหมื่นด้งนคร : ผีอารักษ์ และมายาคติทางประวัติศาสตร์

                                                        หน้า ๒๗
   406   407   408   409   410   411   412   413   414   415   416