Page 415 - หนังสือเมืองลับแล(ง)
P. 415

ในปี พ.ศ. ๒๐๐๒ นี้ พระญาติโลกราชโปรดให้ “หมื่นด้ำพร้าใส่นา” คือให้หมื่นด้ำพร้าเป็นแม่กอง

               เสบียงคุมพลปลูกข้าวและยกไปตีเมืองพง (ในเขตสิบสองพันนา) ในปีรุ่งขึ้น ในขณะที่จะยกทัพไปนั้น ได้ตรัส
               ถามหมื่นด้งนครว่า “ชาวใต้มาตกเสิกในสีมาเมืองเรา หมื่นด้งยังจักแยงได้บ่ชา หมื่นด้งว่า พระเปนเจ้าอย่า

                                              ้
                                                                                ้
               เคริงราชหอรทัยเทิอะ ชาวใต้มา ไวข้าจักอาสาปองเมืองพระเปนเจ้าหื้อได ชะแล ว่าอั้น”   คือทรงถามว่า
                                                                                            1
               ในช่วงที่พระองค์ไปรบนั้น หากกองทัพจากพิษณุโลกมาในพระราชอาณาเขตแล้ว หมื่นด้งนครพอจะต้านทานไว้
               ได้หรือไม่ หมื่นด้งทูลตอบว่าโปรดอย่าทรงเป็นห่วง หากทัพชาวใต้มารบจริงก็จะป้องกันบ้านเมืองไว้ให้ได
                                                                                                          ้
               จากนั้นพระญาติโลกราชก็ยกทัพไปเมืองลื้อ และเมื่อความทราบถึงเมืองพิษณุโลกแล้ว สมเด็จพระบรมไตร

                                                                                                  ื
                                                                                                      ุ
               โลกนาถจึงยกทัพข้ามเขาพิง (เขาพลึง) ไปตีเมืองแพร่ หมื่นด้งนครก็ยกทัพไปป้องกันเมืองแพร่โดยเตอนทกคน
               ว่าไม่ต้องรีบร้อนในการรบ แต่ควรใช้สติปัญญามากกว่า ครั้นพระญาติโลกราชไปตีเมืองพงไม่สำเร็จก็ถอยทพมา
                                                                                                      ั
               เชียงใหม่แล้วยกไปสมทบกับทัพหมื่นด้งนครเข้ารบด้วยทัพของชาวใต  ้

                      สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถเห็นกองทัพเชียงใหม่มีกำลังพลมากมายนักและมิอาจต้านทานได้จึงถอย
               กลับ พระญาติโลกราชยกทัพตามไปแต่ไม่ทัน ครั้นยกไปถึงเมืองเชลียง ก็เตรียมพลจะเข้าตีเมือง พระญาเชลยง
                                                                                                        ี
                                                                                                    ุ
               เห็นทัพจากเชียงใหม่เป็นทัพใหญ่มากก็ขออ่อนน้อม จากนั้นพระญาติโลกราชเจ้าก็ยกทัพเข้าตีเมืองพิษณโลกแต ่
               ไม่สำเร็จ พระญาเชลียงชวนพระญาติโลกราชไปตีเมืองปางพล
                                                                     2
                      เรื่องนี้มีอยู่ในพระราชพงศาวดารฯ ฉบับหลวงประเสริฐฯ  ว่า “ศักราช ๘๒๓ มะเส็งศก (พ.ศ. ๒๐๐๔)
                                                                                             ึ่
                                                                                                  ั
               พระยาเชลียงนำมหาราชจะมาเอาเมืองพิษณุโลก เข้าปล้นเอาเมืองเป็นสามารถมิได้เมืองและจงยกทพเปร่อไป
               เอาเมืองกำแพงเพชรและเข้าปล้นเมืองเถิงเจ็ดวันมิได้เมือง และมหาราชก็เลิกทัพกลับคืนไปเชียงใหม่” เมื่อสอบ
                                ั
                                          ี
                                                                                              ์
                                                                       ่
               ดูแล้วศักราชของหลกฐานทางเชยงใหม่และทางอยุธยาไม่ตรงกัน แตเหตุการณ์นั้นเป็นเหตุการณเดยวกันไม่ผด
                                                                                                         ิ
                                                                                                ี
               แน่ เมืองปางพลนี้เมื่อพิเคราะห์ก็อาจเป็นเมืองบางพานก็เป็นได้ ด้วยเคยเอ่ยเรียก ขุนเพชรรัตน์เจ้าเมือง
                                                                                                    ุ
               กำแพงเพชรมาก่อนหน้านี้แล้วแสดงว่าเมืองกำแพงเพชรเป็นที่รู้จักของชาวล้านนา แต่เมื่อออกจากพิษณโลกจะ
               ไปยังกำแพงเพชรต้องผานเมืองบางพานก่อน กองทัพของฝ่ายอยุธยาที่มาอยู่ที่เมืองปางพลคือเมืองกำแพงเพชร
                                  ่
               คงมาช่วยรักษาเมืองนี้เป็นสามารถ กระทั่งทางฝ่ายเชียงใหม่ไม่สามารถเอาเมืองได  ้
                                                                                               ็
                                                                                                     ้
                      ครั้งนั้นพระโอรสคือพ่อท้าวบุญเรืองทูลว่าทหารอิดโรยนัก เมื่อผ่านหน้ากระท่อมที่พักก็เหนเอาผาคลม
                                                                                                        ุ
               หัวนอนไม่กระดิกกันทุกคน พระญาติโลกราชเจ้าตรัสว่า “พระเปนเจ้าว่า พ่อท้าวปล่อยตามใจไพร่ฉันนี้ เยียะ
               บ้านบ่เปนเมืองแล ว่าอั้น จิ่งหื้อพวกดาบไพเอาไฟเจาะลนตีนดูชู่คน ผู้ใดยังท้วงได้ หื้อไพทวยเราชู่คน คน
                                                                    3
                                                                                                    ี
               ทังหลายกลัวอาชญา ค็ลุกไพตามพระเปนเจ้าชู่คน วันนั้นแล”  คือเตือนท้าวศรีบุญเรือง (เจ้าเมืองเชยงราย)
               ว่าในการปกครองนั้น จะปล่อยตามใจไพร่มิได้ จากนั้นก็ให้ทหารราชองครักษ์จุดไฟไปลนที่ตีนของพวกทีนอน
                                                                                                      ่
                                        ้
                                                                                 ็
               อยู่นั้นดู หากใครยังขยับตีนไดก็ให้เข้าในกองทัพทุกคน ไพร่พลทั้งหมดจึงตามเสดจเพราะความกลวในพระราช
                                                                                               ั

                      1  ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ฉบับ เชียงใหม่ ๗๐๐ ปี, ๒๕๓๘, หน้า ๗๑.
                      2  ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เล่ม ๑, ๒๕๔๒, หน้า ๒๑๖.
                      3  ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ฉบับ เชียงใหม่ ๗๐๐ ปี, ๒๕๓๘, หน้า ๗๑ - ๗๒.

                                     เจ้าหมื่นด้งนคร : ผีอารักษ์ และมายาคติทางประวัติศาสตร์

                                                        หน้า ๓๑
   410   411   412   413   414   415   416   417   418   419   420