Page 152 - ธรรมะบรรยาย2564
P. 152

ท้อแท้ไม่ได้ แต่ว่ามันก็ต้องท้อแท้บางครั้ง เพราะกิเลสมันเยอะ มันก็ต้องท้อแท้บ้าง แต่เรารู้ว่าเรามี

               ความท้อแท้  ถ้าเรารู้เราก็ต้องฝืน  พระพุทธเจ้าตรัสว่ามารคือสิ่งขวางกั้น  อย่างขันธมารคือร่างกาย

               ของเรานี่มันเป็นสิ่งขวางกั้น เมื่อเป็นสิ่งขวางกั้น เราท้อแท้อยู่เรื่อย แพ้อยู่เรื่อย ๆ แล้วเมื่อไหร่มัน

                                                              ุ
               จะชนะ ถ้าไม่ต่อสู้ อย่างแจ๊ค หม่า ประสบปัญหาอปสรรค ๓๐ กว่าครั้ง ถ้าเป็นคนธรรมดามันเลิก
               ล้มไปแล้ว แต่มันไม่เลิกล้ม ที่ไม่เลิกล้มเพราะว่ามีเป้าหมาย ต้องเอาชนะให้ได้ แล้วในที่สุดก็ชนะ ยืน

               ผงาดอยู่บนโลกนี้แล้ว คนรู้จักเขาทั่วโลก หลายคนก็เป็นอย่างนี้ ล้มลุกคลุกคลานมากันทั้งนั้น

                     การต่อสู้มันก็ต้องมีแพ้บ้างมีชนะบ้าง  แต่ในใจของเราสักวันหนึ่งต้องชนะ  สักวันหนึ่งเราต้อง

               ชนะ สักวันหนึ่งเราต้องชนะ สักวันหนึ่งเราต้องชนะ ต้องคิดอย่างนี้ แล้วในที่สุดวันหนึ่งเราต้องชนะ

               แพ้ร้อยครั้งชนะสักครั้งหนึ่งก็ยังดีต้องคิดอย่างนี้ ภาษาอังกฤษเรียกว่า “Don’t give up อย่ายอม

               แพ้” เหนื่อยก็ทน หิวก็ทน พอได้โอกาสถึงยอม พอได้โอกาสก็ยอมบ้าง ๆ เอาละเราต้องสู้ให้ได้ เรา

               ต้องชนะ  มันต้องมีการบังคับหรือความผลักดันจิตของเราให้สู้  มิฉะนั้นแล้วก็จะตกต่ำ  พ่ายแพ้ไป

               เรื่อย ๆ ตกต่ำไปเรื่อย ๆ แล้วมีคนไหนที่พ่ายแพ้แล้วได้ชนะ ที่ไม่ยอมสู้ มันก็แพ้ตลอดและตกต่ำไป

               เรื่อย ๆ มันต้องสู้แล้วคิดว่าต้องชนะสักวันนะ วันนี้เราแพ้ไม่เป็นไร วันหน้าเราต้องชนะให้ได้ ไม่ใช่

               ชนะใคร แต่ชนะกิเลสของตัวเอง ชนะใจของตัวเอง

                     หลวงพ่อจึงเขียนหลักสูตรชินนสาสมาธิ  สมาธิชนะใจตัวเอง  มันต้องชนะสักวันหนึ่ง  ล้มร้อย

                                                                ็
               ครั้งชนะหนึ่งครั้งก็ยังดี  นี่คือความพยายาม  เมื่อเปนเช่นนี้เราก็ต้องต่อสู้กันไป  พระพุทธเจ้าเมื่อ
               พระองค์ได้ประสูติขึ้นมาแล้ว  เป้าหมายของพระองค์ก็คือ  ต้องการเป็นศาสดาเอกในโลก  จะเป็นผู้

                                                                                                   ้
               ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก  จะเป็นผู้เจริญที่สุดในโลก  และการเกิดครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย  นี่เปาหมาย
               ของท่าน  ท่านก็ต่อสู้กว่าจะได้ออกบวช  พอออกบวชแล้วมาเดินจงกรมนั่งสมาธแล้วก็ผิดทางด้วย
                                                                                          ิ
               เรียกว่าบำเพ็ญทุกรกิริยาอย่างแสนสาหัส  ทรมานร่างกายเกือบจะตาย  เรยกว่าเกือบจะมรณภาพ
                                                                                    ี
               หรือว่าสิ้นพระชนม์  ด้วยเหตุนี้ความผิดพลาดก็ต้องมี  และในที่สุดพระองค์ก็มาทราบถึงความเป็น

               กลาง ก็คือ “มัชฌิมาปฏิปทา” ความพอดี เมื่อพระองค์ทรงทราบความพอดีแล้วพระองค์ก็ปฏิบัติ

               ธรรม นั่งสมาธินี้แหละ พอจิตมันสงบพอจิตมันนิ่ง เข้าฌาน ๑ ฌาน ๒ ฌาน ๓ ฌาน ๔, ๕, ๖, ๗,

               ๘ และแล้วก็ไล่ลงมา ๘, ๗, ๖, ๕, ๔, ๓, ๒, ๑ ไล่ขึ้นไล่ลง แล้วในที่สุดก็รู้ความพอดีอยู่ที่ไหน เมื่อ

               ความพอดีรู้ท่านจึงได้กำหนดว่าอ้อมันอยู่ที่ฌาน  ๔  นี้เอง ฌาน  ๔ คือความพอดี อยู่ระหว่างกาย

               หยาบกับกายละเอียด  อันนี้ท่านเจ้าประคุณท่านพูดอย่างนี้  เจ้าประคุณ  สมเด็จพระญาณวชิโรดม

               หลวงพ่อวิริยงค์ สิรินฺธโร ท่านพูดอย่างนี้ ท่านสอนอยางนี้ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไร รู้ได้ก็ต่อเมื่อเราฝึก
                                                                ่
                           ั




                                                          ๑๕๒
   147   148   149   150   151   152   153   154   155   156   157