Page 226 - รายงานวิจัยน้ำทะเล_Neat
P. 226

216



                                     จากผลการวิเคราะห์เห็นได้ว่ามีหลายปัจจัยที่ท าให้เครือข่ายประสบความส าเร็จที่
                       สอดคล้องกับรายงานของ Waner อ้างใน ปาริชาติ สถาปิตานนท์ และคณะ (2546: 9) ที่สรุปว่า
                       องค์ประกอบของเครือข่ายทางสังคมที่ดี ประกอบด้วย1) สมาชิกของเครือข่าย 2) มีจุดมุ่งหมาย ร่วมกัน
                       3) การปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกในเครือข่าย 4) การสื่อสารภายในเครือข่าย และ 5) การมีปฏิสัมพันธ์

                       เชิงแลกเปลี่ยน  งานวิจัยของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (2558)  พบว่า เครือข่ายชุมชนฯ ในแต่ละ
                       พื้นที่ต้องมีกิจกรรมการด าเนินงานตามแผนงานที่ก าหนดไว้อย่างต่อเนื่องที่ส าคัญได้แก่ การจัดประชุม
                       เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างสมาชิกของเครือข่ายชุมชนฯ ตลอดจนติดตามความก้าวหน้าของ
                       การด าเนินงาน การใช้จ่ายงบประมาณ ฯลฯ นอกจากนี้อาจต้องมีการด าเนินกิจกรรมในด้านการศึกษา

                       ดูงานจากพื้นที่ที่ประสบผลส าเร็จ หรือมีบทเรียนที่เกี่ยวข้องในการน ามาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับ
                       เครือข่ายชุมชนฯ และท้องถิ่นของตน  เช่นเดียวกับงานวิจัยของ ธนพร สุปริยศิลป์ และคณะ (2553)
                       และสุริยา ค าหว่าน และคณะ (2553)  ด้านการมีส่วนร่วมของชุมชนภายในพื้นที่ เพื่อให้ชุมชนเป็น
                       ศูนย์กลางในการปูองกันผลกระทบจากภัยพิบัติ โดยเฉพาะชุมชนต้องให้ความร่วมมือในการฟื้นฟูเป็น

                       หลักในการด าเนินงานด้านต่างๆ แต่ทั้งนี้ยังพบจุดอ่อนของจังหวัดสมุทรสาคร ทั้ง 8  ชุมชน ในเรื่องการ
                       ขาดแผนงานประสานงานกับภาครัฐและภาคเอกชนในการสนับสนุนการด าเนินงานอย่างเป็นรูปธรรมตาม
                       ยุทธศาสตร์การแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศ ซึ่งต้องครอบคลุมทุกยุทธศาสตร์การจัดการ

                       ปูองกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งประเทศไทย ปี พ.ศ. 2551 เหตุผลดังกล่าวจึงส่งผลให้ ขาด
                       งบประมาณด าเนินกิจกรรมตามแผนงานอย่างต่อเนื่องและตอบสนองต่อความต้องการและปัญหาใน
                       ปัจจุบันของเครือข่ายฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการก่อสร้าง/จัดท าแนวปูองกันการกัดเซาะชายฝั่งซึ่งต้องมี
                       งบประมาณค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ไม่มีสวัสดิการตอบแทนการปฏิบัติงานให้แก่สมาชิกเครือข่ายฯ ในพื้นที่
                       รวมถึงสมาชิกบางคนมีภาระงานมาก และไม่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้อย่างสม่ าเสมอ เช่นเดียวกับ

                       งานวิจัยของ ดุสิต เวชกิจ และคณะ (2559)  ศึกษาแนวทางการบริหารจัดการเครือข่ายชุมชนในการ
                       ปูองกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง จังหวัดสมุทรสาคร ในปีที่ 4
                                     ส าหรับต าบลสองคลอง จังหวัดฉะเชิงเทรา ผลวิเคราะห์ปัจจัยแห่งความส าเร็จพบว่า

                       ประกอบด้วย
                                     1) ปัจจัยเกี่ยวกับศักยภาพของผู้น า ประกอบด้วย
                                        (1) ระยะเวลาที่ได้รับเลือกให้ด ารงต าแหน่งผู้น าทั้งเป็นทางการและไม่เป็น
                       ทางการ พบว่า ส่วนใหญ่ผู้น าด ารงต าแหน่งมากกว่า 10 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นต าแหน่งผู้น าที่เป็นทางการ

                       ได้แก่ นายกองค์การบริหารส่วนต าบล รองนายกและสมาชิกองค์การบริหารส่วนต าบลสองคลอง
                       อ าเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ประวัติท างานของ นายสุชาติ แสวงไวศยสุข นายกองค์การบริหาร
                       ส่วนบริหารส่วนต าบลสองคลองปฏิบัติงานในองค์การบริหารส่วนบริหารส่วนต าบลสองคลอง ตั้งแต่ปี
                       พ.ศ. 2542-ปัจจุบัน

                                        (2) ผู้น าทุกคนมีความรู้ที่เกี่ยวข้องทั้งจากการศึกษาอบรม ดูงาน และร่วมประชุม
                       เชิงปฏิบัติการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการกัดเซาะชายฝั่งทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน
                                        (3) โดยผู้น าทุกคนมีประสบการณ์ด้านการจัดท าแผนพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับการ
                       กัดเซาะชายฝั่ง รวมถึงการพัฒนาชุมชนด้านอื่นๆ อีกด้วยทั้งในภาครัฐ และภาคเอกชน ได้แก่ ประสบการณ์

                       ด้านการจัดท าแผนพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับการกัดเซาะชายฝั่ง และส่วนใหญ่เข้าร่วมจัดท าแผนพัฒนา
   221   222   223   224   225   226   227   228   229   230   231