Page 64 - 50 คำถาม เกี่ยวกับการอนุญาโตตุลาการ
P. 64
60
23. ค ำชี้ขำดข้อพิพำทหมำยเลขแดงที่ 122/2561
ประเด็นข้อพิพำท : ๑. ผู้คัดค้ำนได้ปฏิบัติถูกต้องตำมสัญญำพิพำทแล้ว จึงมีสิทธิเรียกค่ำจ้ำงตำมข้อเรียกร้องแย้ง
ดังที่ผู้คัดค้ำนกล่ำวอ้ำงหรือไม่ เพียงใด
๒. ผู้เรียกร้องมีสิทธิเรียกค่ำปรับจำกผู้คัดค้ำนหรือไม่ เพียงใด
๓. ค ำเสนอข้อพิพำทขำดอำยุควำมแล้วหรือไม่
ค ำวินิจฉัยชี้ขำด
ข้อเท็จจริงตามค าคู่ความและตามค าแถลงของคู่พิพาททั้งสองฝ่ายฟังได้ว่า เมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๕
ผู้เรียกร้องได้ท าสัญญาว่าจ้างผู้คัดค้านให้ก่อสร้างโครงการลานแอโรบิค พร้อมติดตั้งเครื่องออกก าลังกายกลางแจ้ง
ต่อต้านภัยยาเสพติดจ านวน ๑ สนาม ณ บริเวณส านักงานของผู้เรียกร้อง พร้อมจัดหาเครื่องออกก าลังกาย จ านวน
๘ รายการ รวม ๒ ๓ ชุด ตามรูปแบบและคุณลักษณะเฉพาะอุปกรณ์ออกก าลังกายตามสัญญาพิพาท
ตกลงค่าจ้างเป็นเงิน ๑,๙๙๒,๐๐๐ บาท ซึ่งรวมภาษีและค่าใช้จ่ายทั้งปวงแล้ว ก าหนดการจ่ายเงินงวดสุดท้าย
งวดเดียว หากผู้คัดค้านท างานล่าช้าจะต้องช าระค่าปรับให้แก่ผู้เรียกร้องวันละ ๑,๙๙๒ บาท โดยผู้คัดค้านได้น าหนังสือ
ค้ าประกันของธนาคารจ านวนเงิน ๙๙,๖๐๐ บาท มอบให้แก่ผู้เรียกร้องเป็นหลักประกันการปฏิบัติตามสัญญา แต่ผู้คัดค้าน
ท างานที่รับจ้างได้เพียงบางส่วนและล่าช้ากว่าก าหนดเวลาในสัญญาพิพาท ครั้นในวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ผู้เรียกร้อง
ได้มีหนังสือบอกเลิกสัญญาจ้างและให้ผู้คัดค้านช าระค่าปรับ นับตั้งแต่วันถัดจากวันครบก าหนดในสัญญาคือวันที่
๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๕ ถึงวันบอกเลิกสัญญาในวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๖ รวม ๑๖๐ วัน ค่าปรับวันละ ๑,๙๙๒ บาท
รวมค่าปรับเป็นเงิน ๓๑๘,๗๒๐ บาท แก่ผู้เรียกร้อง ต่อมาธนาคารตามหนังสือค้ าประกันได้ช าระเงินจ านวน ๙๙,๖๐๐
บาท ให้แก่ผู้เรียกร้อง และผู้เรียกร้องได้คืนหนังสือค้ าประกันแก่ธนาคารแล้ว จึงเหลือค่าปรับจ านวน ๒๑๙,๑๒๐ บาท
ที่ผู้เรียกร้องเรียกให้ผู้คัดค้านช าระ
ในปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามข้อตกลงของคู่พิพาทที่ว่า ผู้เรียกร้องมีสิทธิเรียกเบี้ยปรับจากผู้คัดค้าน
เกินกว่าร้อยละ ๑๐ หรือไม่ เพียงใด นั้น สมควรต้องวินิจฉัยก่อนว่า สัญญาจ้างพิพาทเป็นสัญญาทางปกครองดังที่
ผู้เรียกร้องกล่าวอ้างหรือไม่ ในข้อนี้ผู้คัดค้านต่อสู้ว่า ผู้เรียกร้องไม่มีสิทธิเรียกเบี้ยปรับเกินกว่าร้อยละ ๑๐ ตามที่ก าหนดไว้
ในระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ.๒๕๓๕
ข้อ ๑๓๑ อันเป็นการยอมรับว่าสัญญาพิพาทเป็นสัญญาทางปกครองตามที่ผู้เรียกร้องกล่าวอ้าง เมื่อสัญญาพิพาท
เป็นสัญญาทางปกครอง ผู้เรียกร้องซึ่งเป็นหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นจึงต้องปฏิบัติตามระเบียบ
กระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ.๒๕๓๕ ข้อ ๑๓๑ ที่ก าหนดไว้ว่า “กรณี
ที่คู่สัญญาไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาหรือข้อตกลงได้และต้องมีการปรับตามสัญญาหรือข้อตกลงนั้น หากจ านวนเงิน
ค่าปรับจะเกินจ านวนร้อยละ ๑๐ ของวงเงินค่าพัสดุหรือค่าจ้าง ให้หน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นพิจารณา
ด าเนินการบอกเลิกสัญญาหรือข้อตกลง เว้นแต่คู่สัญญาจะได้ยินยอมเสียค่าปรับให้แก่หน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น
โดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ทั้งสิ้น” เมื่อผู้คัดค้านมิได้ยินยอมเสียค่าปรับให้แก่ผู้เรียกร้องโดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ทั้งสิ้น ผู้เรียกร้อง
จึงต้องพิจารณาด าเนินการบอกเลิกสัญญาพิพาทตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยดังกล่าว อันเป็นระเบียบที่ออกมาเพื่อ
บังคับให้หน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นจะต้องปฏิบัติตาม มิใช่ปล่อยให้หน่วยงานทางปกครองที่จะเลือกปฏิบัติ
ตามระเบียบดังกล่าวหรือไม่ อย่างไร ก็ได้ อันจะท าให้ระเบียบของกระทรวงมหาดไทยดังกล่าวหมดความหมาย ขึ้นอยู่กับ