Page 129 - 2557 เล่ม 1
P. 129

๑๒๙



               เมื่อได้ดํารงตําแหน่งคณบดีแล้วจะแก้ปงญหาสําคัญของคณะได้ จึงมีมติว่า
               ยังไม่เลือกผู้ดํารงตําแหน่งคณบดีคณะวิทยาการจัดการ แต่ให้ผู้ได้รับเสนอชื่อ

               ทั้ง ๒ ราย จัดทําแผนแสดงภาระงานของอาจารย์ประจําในคณะทั้งหมดในอนาคต

               ๒ ปีการศึกษาแล้ววิเคราะห์เปรียบเทียบกับภาระงานของคณะที่ดําเนินการมาแล้ว
               ๒   ปี ว่ามีข้อดีแตกต่างกันอย่างไร แล้วนําเสนอสภามหาวิทยาลัยอีกครั้ง

               ในระยะเวลาไม่เกิน ๒ เดือน ต่อมาในการประชุมสภามหาวิทยาลัยครั้งที่ ๔/๒๕๔๘

               สภามหาวิทยาลัยมีมติมอบอํานาจให้อธิการบดีแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนคณบดี
               คณะวิทยาการจัดการโดยปฏิบัติหน้าที่ในระยะไม่เกิน ๑๘๐ วัน แล้วจึงจะพิจารณา

               บุคคลที่เหมาะสมเป็นคณบดีต่อไป และในการประชุมสภามหาวิทยาลัย

               ครั้งที่ ๑๐/๒๕๔๘ นายศุภกิจได้ขอถอนตัวจึงเหลือโจทก์ผู้ได้รับการเสนอชื่อ
               เพียงผู้เดียว แต่สภามหาวิทยาลัยพิจารณาไม่เลือกโจทก์และมีมติเห็นชอบ

               ให้ดําเนินการสรรหาคณบดีคณะวิทยาการจัดการใหม่ ต่อมาคณะกรรมการสรรหา
               ได้คัดเลือกโจทก์ นายศุภกิจ และนายประทีป เสนอต่อสภามหาวิทยาลัย

               และสภามหาวิทยาลัยมีมติให้ความเห็นชอบนายประทีป ดํารงตําแหน่งคณบดี

               คณะวิทยาการจัดการ
                      มีปงญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ประการแรกว่า ผู้พิพากษาคนเดียว

               ในศาลจังหวัดไต่สวนมูลฟ้องและมีคําสั่งคดีมีมูลนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

               เห็นว่า ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา ๒๕ บัญญัติว่า ในศาลชั้นต้น
               ผู้พิพากษาคนเดียวเป็นองค์คณะมีอํานาจเกี่ยวแก่คดีซึ่งอยู่ในอํานาจของศาลนั้น

               ดังต่อไปนี้ ... (๓) ไต่สวนมูลฟ้องและมีคําสั่งในคดีอาญา เห็นได้ว่า บทบัญญัติ

               ดังกล่าวกําหนดให้ผู้พิพากษาคนเดียวในศาลชั้นต้นเป็นองค์คณะมีอํานาจไต่สวน
               มูลฟ้องและมีคําสั่งในคดีอาญาได้ ดังนั้นคดีอาญาทั้งปวงย่อมอยู่ในอํานาจ

               ของผู้พิพากษาคนเดียวที่จะทําการไต่สวนมูลฟ้องและเมื่อเห็นว่าคดีมีมูลก็มีอํานาจ

               มีคําสั่งว่าคดีมีมูลได้ กระบวนพิจารณาของผู้พิพากษาคนเดียวจึงเป็นการปฏิบัติ
               โดยถูกต้องชอบแล้ว ฎีกาข้อนี้ของโจทก์ฟงงไม่ขึ้น

                      มีปงญหาวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ข้อต่อไปว่า การที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาต

               ให้โจทก์ระบุพยานเพิ่มเติมภายหลังจากสืบพยานโจทก์จําเลยเสร็จแล้ว ชอบหรือไม่
   124   125   126   127   128   129   130   131   132   133   134