Page 127 - 2557 เล่ม 1
P. 127
๑๒๗
ค าพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๗๕๒ – ๑๗๕๓ / ๒๕๕๗ นายชวลิต สันถวะโกมล โจทก์
นายชุมพล พรประภา กับพวก จ าเลย
พระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา ๒๕
ป.วิ.พ. บัญชีระบุพยาน มาตรา ๘๘
ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา ๒๕ บัญญัติว่า ในศาลชั้นต้น
ผู้พิพากษาคนเดียวเป็นองค์คณะมีอ านาจเกี่ยวแก่คดีซึ่งอยู่ในอ านาจ
ของศาลนั้น ดังต่อไปนี้ ... (๓) ไต่สวนมูลฟ้องและมีค าสั่งในคดีอาญา เห็นได้ว่า
บทบัญญัติดังกล่าวก าหนดให้ผู้พิพากษาคนเดียวในศาลชั้นต้นเป็นองค์คณะ
มีอ านาจไต่สวนมูลฟ้องและมีค าสั่งในคดีอาญาได้ ดังนั้น คดีอาญาทั้งปวง
ย่อมอยู่ในอ านาจของผู้พิพากษาคนเดียวที่จะท าการไต่สวนมูลฟ้อง
และเมื่อเห็นว่าคดีมีมูลก็มีอ านาจมีค าสั่งว่าคดีมีมูลได้ กระบวนพิจารณาของ
ผู้พิพากษาคนเดียวจึงเป็นการปฏิบัติโดยถูกต้องชอบแล้ว
โจทก์ยื่นค าร้องขอระบุพยานเพิ่มเติมภายหลังสืบพยานโจทก์จ าเลย
เสร็จแล้ว แม้จะอ้างเหตุผลว่าไม่สามารถทราบได้ว่าจะต้องน าพยานหลักฐาน
บางอย่างมาสืบ เพราะมีการสรรหาคณบดีคณะวิทยาการจัดการใหม่และเพิ่ง
มีขึ้นภายหลังจากสืบพยานโจทก์จ าเลยคดีนี้เสร็จ ซึ่งโจทก์ผ่านการสรรหา
เป็นบุคคลที่เหมาะสมในการด ารงต าแหน่งคณบดี คณะวิทยาการจัดการ
ค าร้องขอระบุพยานเพิ่มเติมมีพยานมาสนับสนุนว่าเป็นผู้มีคุณสมบัติ
ครบถ้วนตามข้อบังคับสมควรที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นคณบดี
คณะวิทยาการจัดการก็ตาม แต่พยานที่ระบุเพิ่มเติมก็ไม่เกี่ยวกับประเด็น
ในคดีอาญา ซึ่งมีประเด็นว่าจ าเลยทั้งสี่ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้น
การปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตหรือไม่ ค าร้องขอระบุพยานเพิ่มเติมจึงไม่มี
ประโยชน์ต่อการวินิจฉัยว่าจ าเลยทั้งสี่ได้กระท าผิดในคดีนี้หรือไม่แต่อย่างใด