Page 123 - 2557 เล่ม 1
P. 123

๑๒๓



               ส่วนแพ่งให้จําเลยที่ ๑ ร่วมกันชําระเงินจํานวน ๑๕๕,๐๘๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ
               ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ เป็นต้นไปจนกว่าจะชําระเสร็จแก่ผู้ร้อง

               จําเลยที่ ๑ อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โดยศาลชั้นต้นอ่านคําพิพากษาศาลอุทธรณ์

               ให้จําเลยที่ ๑ ฟงงเมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๖
                      วันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ทนายจําเลยที่ ๑ ยื่นคําร้องขอให้เพิกถอน

               การอ่านคําพิพากษาศาลอุทธรณ์ และให้อ่านคําพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จําเลยที่ ๑

               ฟงงใหม่ โดยส่งหมายนัดให้ทนายจําเลยที่ ๑ ด้วย
                      ศาลชั้นต้นมีคําสั่งให้ยกคําร้อง

                      จําเลยที่ ๑ อุทธรณ์

                      ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
                      จําเลยที่ ๑ ฎีกา

                      ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จําเลยที่ ๑   ฎีกาขอให้เพิกถอนการอ่าน
               คําพิพากษาศาลอุทธรณ์ และให้อ่านคําพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จําเลยที่ ๑

               และทนายจําเลยที่ ๑ ฟงงใหม่อีกครั้งหนึ่ง เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา

               ความอาญา มาตรา ๑๘๒ วรรคสองและวรรคสาม กําหนดให้ศาลอ่านคําพิพากษา
               ในศาลต่อหน้าคู่ความโดยเปิดเผย เมื่ออ่านแล้วให้คู่ความลงลายมือชื่อไว้

               และมาตรา ๒ (๑๕) ได้ให้คําจํากัดความของคําว่า คู่ความ ไว้ว่า หมายความถึง

               โจทก์ฝ่ายหนึ่ง ซึ่งมาตรา ๒ (๓) จําเลย หมายความถึง บุคคลซึ่งถูกฟ้องยังศาลแล้ว
               โดยข้อหาว่าได้กระทําความผิด ดังนั้น ทนายจําเลยที่ ๑ จึงมิได้เป็นจําเลย

               หรือเป็นคู่ความตามบทบัญญัติดังกล่าว เมื่อปรากฏว่าศาลชั้นต้นอ่านคําพิพากษา

               ศาลอุทธรณ์ให้จําเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นคู่ความในคดีฟงงและให้จําเลยที่ ๑ ลงลายมือชื่อ
               ไว้แล้ว จึงเป็นการดําเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการอ่านคําพิพากษาโดยชอบ

               แล้ว ไม่มีเหตุยกเลิกการอ่านคําพิพากษาศาลอุทธรณ์ ส่วนการที่ศาลชั้นต้น

               ส่งหมายนัดให้ผู้ร้องและทนายผู้ร้องมาฟงงคําพิพากษาศาลอุทธรณ์ ก็หาเป็นเหตุให้
               การอ่านคําพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จําเลยที่ ๑   ฟงงซึ่งชอบด้วยกฎหมาย

               กลับกลายเป็นไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่ ส่วนฎีกาข้ออื่นของจําเลยที่ ๑

               ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงคําพิพากษานี้ จึงไม่จําต้องวินิจฉัยที่ศาลล่างทั้งสอง
   118   119   120   121   122   123   124   125   126   127   128