Page 135 - 2557 เล่ม 1
P. 135
๑๓๕
บริษัทไดเทคแอดวานซ์ จํากัด เข้าประกวดราคาขายสินค้าประเภทท่อสีเขียว
ในราคา ๒๑๖ บาท ให้แก่จําเลย โดยมีนายปราโมทย์ และนายวิศนุ พนักงานของ
บริษัทไดเทคแอดวานช์ จํากัด กับนายชิน ผู้มีอํานาจในการจัดซื้อสินค้าของจําเลย
ลงลายมือชื่อทั้งสองฝ่าย ซึ่งจะมีผลเป็นการซื้อสินค้าในเดือนมกราคม ปี ๒๕๕๒
มีระยะเวลา ๖ เดือน เมื่อเดือนมกราคม ปี ๒๕๕๒ นายริว ผู้บังคับบัญชาของโจทก์
สั่งให้โจทก์ซื้อสินค้าท่อสีเขียว โจทก์เข้าไปในระบบหน่วยงานจัดซื้อกลาง
ของจําเลยและทราบว่ามีการเปลี่ยนแปลงบริษัทผู้จําหน่ายเดิมจากบริษัทป๊อบ
ซิสเต็มส์แอนด์เซอร์วิส จํากัด เป็นบริษัทไดเทคแอดวานซ์ จํากัด โจทก์เรียก
ผลประโยชน์จากบริษัทไดเทคแอดวานช์ จํากัด อัตราร้อยละ ๒๐ เดือนมกราคม
ปี ๒๕๕๒ โจทก์ส่งราคากลางของสินค้าไปให้บริษัทป๊อบซิสเต็นส์แอนด์เซอร์วิส
จํากัด เพื่อเสนอราคาเข้ามาใหม่ ซึ่งโจทก์ให้การยอมรับด้วยลายมือของโจทก์เอง
การที่โจทก์นําข้อมูลความลับของจําเลยไปเปิดเผยแก่บุคคลภายนอก
ทําให้จําเลยได้รับความเสียหาย คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ๕ ใน ๘ คน
มีความเห็นว่า โจทก์มีความผิดและลงโทษโจทก์ด้วยการเลิกจ้างเมื่อเดือนมกราคม
ปี ๒๕๕๒ ศาลแรงงานภาค ๒ วินิจฉัยว่า พฤติกรรมของโจทก์ส่อไปในทางไม่สุจริต
เป็นการนําข้อมูลความลับของจําเลยไปเปิดเผยแก่บุคคลภายนอก ทําให้จําเลย
ได้รับความเสียหาย การกระทําของโจทก์เป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับ
การทํางานของจําเลยในหมวดที่ ๘ วินัยและโทษทางวินัย ข้อ ๓ โทษทางวินัย
ข้อที่ ๓.๗.๘ เปิดเผยความลับในการบริหารหรือข้อมูลสําคัญของธุรกิจของบริษัท
โดยไม่ได้รับอนุญาต และถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติคุ้มครอง
แรงงาน พ.ศ.๒๕๔๑ มาตรา ๑๑๙ (๔) พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า คดีมีปงญหาตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า
การกระทําของโจทก์เป็นความผิดร้ายแรงหรือไม่ โจทก์อุทธรณ์โดยสรุปว่า
โจทก์ได้รับมอบหมายจากนายประวิทย์ ให้จัดตั้งสายงานการผลิตไมโครเวฟ
ให้เสร็จภายในเดือนมกราคม ปี ๒๕๕๒ และทราบว่าเคยมีปงญหาเกี่ยวกับ
การซื้อท่อโดยเปลี่ยนบริษัทผู้จําหน่ายเพราะไม่สามารถใช้กับข้อต่อได้