Page 40 - 2557 เล่ม 1
P. 40
๔๐
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟงงเป็นยุติในชั้นนี้ว่า ในวันเวลาและ
สถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จําเลยที่ ๑ กับพวกร่วมกันใช้อาวุธปืนที่พาติดตัวไป
ยิงผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่า เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย ความผิด
ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนมีเครื่องหมายทะเบียนและไม่มีเครื่องหมายทะเบียนไว้ใน
ครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และความผิดฐานร่วมกันพาอาวุธปืนโดยไม่ได้
รับใบอนุญาต และไม่มีเหตุสมควร โจทก์และจําเลยที่ ๑ ไม่อุทธรณ์ จึงเป็นอันยุติไป
ตามคําพิพากษาศาลชั้นต้น มีปงญหาตามฎีกาของจําเลยที่ ๑ ว่า พยานโจทก์มี
น้ําหนักเพียงพอให้รับฟงงว่า การที่จําเลยที่ ๑ กับพวกร่วมกันพยายามฆ่าผู้เสียหาย
เป็นการกระทําโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่ โดยจําเลยที่ ๑ ฎีกาว่า ข้อเท็จจริงที่ว่า
จําเลยที่ ๑ กระทําโดยไตร่ตรองไว้ก่อนได้มาจากคําให้การรับสารภาพของจําเลยที่ ๑
ในชั้นสอบสวนเท่านั้น โจทก์ไม่มีพยานอื่นมานําสืบประกอบคําให้การดังกล่าวใน
ส่วนที่เกี่ยวกับการกระทําโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พยานโจทก์จึงไม่อาจรับฟงงลงโทษ
จําเลยที่ ๑ ในความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เห็นว่า
โจทก์มีพันตํารวจโทพินิจ พนักงานสอบสวนเบิกความยืนยันว่า จําเลยที่ ๑ ให้การ
รับสารภาพตามข้อกล่าวหาตามบันทึกคําให้การของผู้ต้องหา และบันทึกคําให้การ
ซึ่งจัดทําในวันรุ่งขึ้นหลังเกิดเหตุมีใจความว่า จําเลยที่ ๑ กับพวกได้รับการว่าจ้าง
จากจําเลยที่ ๒ ให้ไปยิงผู้เสียหาย จําเลยที่ ๑ กับพวกจึงไปตามหาผู้เสียหายจนพบ
และใช้อาวุธปืนที่ตระเตรียมไปยิงผู้เสียหาย จําเลยที่ ๑ มิได้ถามค้านพันตํารวจโทพินิจ
เกี่ยวกับการจัดทําบันทึกคําให้การให้ปรากฏว่ามีข้อพิรุธน่าสงสัยอย่างใด ทั้งมิได้
นําสืบความไม่ถูกต้องแห่งบันทึกคําให้การนั้นเชื่อว่าจําเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพ
โดยสมัครใจ และบันทึกคําให้การของผู้ต้องหา ถือเป็นพยานบอกเล่าที่ต้องด้วย
ข้อยกเว้นให้รับฟงงได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๖/๓
วรรคสอง (๑) เมื่อรับฟงงพยานโจทก์ดังกล่าวประกอบกันแล้วเป็นที่พอใจว่า
จําเลยที่ ๑ กระทําความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน