Page 44 - 2557 เล่ม 1
P. 44
๔๔
พนักงานสอบสวนเบิกความประกอบบันทึกคําให้การของผู้เสียหายและบันทึก
การชี้รูปผู้ต้องหาและภาพถ่ายประกอบบันทึกดังกล่าวหลังเกิดเหตุแล้ว ๓ วัน
ผู้เสียหายได้ไปแจ้งความต่อร้อยตํารวจเอกอุดมชัยว่า ในวันเกิดเหตุเวลาประมาณ
๒๐ นาฬิกา ขณะที่ผู้เสียหายอยู่ที่หน้าบ้านของตน เห็นจําเลยที่ ๒ กับพวกคือ
จําเลยที่ ๑ นายธีระหรือโย่ง และนายตาน้อย (ไม่ทราบชื่อจริง) ขับรถจักรยานยนต์
มา ๒ คัน แล้วจอดที่หน้าบ้านของผู้เสียหาย จําเลยที่ ๒ นําอาวุธปืนเล็งมาทาง
ผู้เสียหาย ผู้เสียหายจึงรีบวิ่งหนีไปหานายชัยวัฒน์ ซึ่งเป็นเพื่อนและนั่งดื่มสุราอยู่
ใกล้กับบ้านของผู้เสียหายบอกให้ช่วยขับรถจักรยานยนต์พาหลบหนีเนื่องจาก
ขณะนั้นจําเลยที่ ๒ กับพวกกําลังตามมายิง โดยระหว่างวิ่งไปหานายชัยวัฒน์นั้น
ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น ๑ นัด ด้วยแล้วนายชัยวัฒน์ได้ขับรถจักรยานยนต์พา
ผู้เสียหายหลบหนีไปตามถนนสายสุราษฎร์ธานี - ตะกั่วป่า แต่จําเลยทั้งสอง
กับพวกดังกล่าวขับรถจักรยานยนต์รวม ๒ คัน ตามมา และเมื่อตามทันจําเลยที่ ๒
ได้ขับรถขึ้นมาเทียบด้านข้างผู้เสียหาย หลังจากนั้นนายธีระซึ่งนั่งซ้อนท้ายใช้
มีดสปาต้าเป็นอาวุธฟงนมายังศีรษะผู้เสียหาย ๒ ครั้ง แต่ถูกผู้เสียหาย ๑ ครั้ง
แต่เนื่องจากขณะนั้น น า ยชัยวัฒน์ขับรถเลี้ยวเข้าซอยบ้านห้วยกําซึ่งเป็น
ทางเข้าหมู่บ้านจําเลยทั้งสองกับพวกจึงพากันหลบหนีไปกับโจทก์มีร้อยตํารวจเอก
สิทธิศักดิ์ พนักงานสอบสวนร่วมเบิกความประกอบใบต่อคําให้การของผู้เสียหาย
จากการสอบถามผู้เสียหายถึงสาเหตุที่จําเลยทั้งสองกับพวกมาก่อเหตุคดีนี้
ก็ได้ความเพียงว่าจําเลยทั้งสองกับพวกไม่พอใจที่ผู้เสียหายไปต่อว่าเรื่องที่จําเลยทั้งสอง
กับพวกมั่วสุมลักลอบเสพยาเสพติดให้โทษที่ขนําหลังบ้านของผู้เสียหาย แล้ว
ผู้เสียหายรื้อขนําดังกล่าวออกตามใบต่อคําให้การ แต่นายชัยวัฒน์พยานโจทก์ซึ่งอยู่
กับผู้เสียหายขณะเกิดเหตุกลับเบิกความว่า ขณะที่ผู้เสียหายวิ่งมาหานั้น ผู้เสียหาย
บอกเพียงให้ขับพาผู้เสียหายออกไปจากบริเวณดังกล่าวเนื่องจากมีเรื่อง และไม่เห็น
เหตุการณ์ขณะที่ผู้เสียหายถูกคนร้ายใช้อาวุธมีดฟงนกับจุดที่คนร้ายใช้อาวุธมีดฟงน
นั้นอยู่ไกลจากสถานีบริการน้ํามันพอสมควร ดังนั้นแสงสว่างจากสถานีบริการ
น้ํามันส่องมาไม่ถึงที่เกิดเหตุ แต่ที่นายชัยวัฒน์ให้การต่อพนักงานสอบสวนตาม
บันทึกคําให้การ ระบุว่า นายธีระซึ่งนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่จําเลยที่ ๒ เป็น