Page 49 - 2557 เล่ม 1
P. 49
๔๙
ยางพาราของโจทก์และร้านค้าใกล้เคียง ทําให้ทรัพย์สินในร้านค้าของโจทก์ถูก
ไฟไหม้ได้รับความเสียหาย ผลการตรวจพิสูจน์ปรากฏว่า เหตุเพลิงไหม้เกิดจาก
การสะสมความร้อนในเต้ารับอุปกรณ์ไฟฟ้าในร้านของจําเลยทั้งสองจนเกิดการ
ลุกไหม้หลังเกิดเหตุจําเลยที่ ๑ ถูกฟ้องเป็นคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๖๑๘/๒๕๕๕
ของศาลจังหวัดลพบุรี ในความผิดฐานกระทําให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาทและเป็น
เหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย ซึ่งคดีอาญาดังกล่าวศาลอุทธรณ์ภาค ๑
พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องและคดีถึงที่สุด
มีปงญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจําเลยทั้งสองว่า จําเลยทั้งสองต้องรับผิด
ต่อโจทก์ตามคําพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๑ หรือไม่ จําเลยทั้งสองฎีกาว่า
ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๖๑๘/๒๕๕๕ ของศาลจังหวัดลพบุรี ที่จําเลยที่ ๑
ถูกฟ้องในความผิดฐานกระทําให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาทและเป็นเหตุให้
ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้
ยกฟ้องและคดีถึงที่สุดแล้ว ข้อเท็จจริงจึงรับฟงงเป็นยุติว่าเหตุเพลิงไหม้มิได้เกิดจาก
ความประมาทของจําเลยที่ ๑ เหตุเพลิงไหม้จึงเกิดแต่เหตุสุดวิสัยนั้น เห็นว่า แม้
ข้อเท็จจริงในคดีส่วนอาญาจะรับฟงงเป็นยุติว่า เหตุเพลิงไหม้มิได้เกิดจากความ
ประมาทของจําเลยที่ ๑ และคดีนี้เป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาซึ่งศาลจําต้องถือ
ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคําพิพากษาคดีส่วนอาญาตามประมวลกฎหมายวิธี
พิจารณาความอาญา มาตรา ๔๖ แต่เมื่อข้อเท็จจริงในคดีนี้รับฟงงได้ว่า เหตุ
เพลิงไหม้เกิดจากกระแสไฟฟ้าลัดวงจรที่เต้ารับอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในร้านเอ แอนด์ เอ
ซึ่งจําเลยทั้งสองเป็นเจ้าของร้านและเป็นผู้ครอบครองดูแลอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในร้าน
รวมถึงเต้ารับอุปกรณ์ไฟฟ้าซึ่งมีสายไฟฟ้าต่อเชื่อมและมีกระแสไฟฟ้าเดินอยู่
สายไฟฟ้าและเต้ารับอุปกรณ์ไฟฟ้าจึงเป็นทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ
จําเลยทั้งสองเป็นผู้มีทรัพย์ดังกล่าวไว้ในครอบครองจึงต้องรับผิดเพื่อความเสียหายที่
เกิดขึ้นจากทรัพย์ดังกล่าว เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุ
สุดวิสัยหรือเกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเองตามบทบัญญัติแห่ง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๓๗ วรรคสอง ซึ่งเป็นบทบัญญัติแห่ง
กฎหมายอันว่าด้วยความรับผิดของบุคคลในทางแพ่ง ทั้งนี้ โดยไม่ต้องคํานึงว่า