Page 50 - 2557 เล่ม 1
P. 50

๕๐



               จําเลยต้องคําพิพากษาว่าได้กระทําความผิดในคดีส่วนอาญาหรือไม่ ตามบทบัญญัติ
               แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๔๗ วรรคหนึ่ง ส่วนจําเลย

               ทั้งสองอ้างว่าเหตุเพลิงไหม้เกิดแต่เหตุสุดวิสัยนั้น จําเลยทั้งสองเป็นผู้มี

               ภาระการพิสูจน์ แต่จําเลยทั้งสองนําสืบแต่เพียงว่า จําเลยทั้งสองได้ตรวจตราดูแล
               อุปกรณ์ไฟฟ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ อย่างวิญํูชนพึงกระทํา และจะถอดปลั๊ก

               อุปกรณ์ไฟฟ้าและสับเบรกเกอร์ลงเพื่อตัดกระแสไฟฟ้าภายในร้านทุกครั้งที่ปิดร้าน

               หรือออกจากร้าน ขณะเกิดเหตุจําเลยทั้งสองไม่ได้ใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าและเหตุเกิดจาก
               ไฟฟ้าลัดวงจรในระบบไฟฟ้า ซึ่งเป็นการนําสืบว่าจําเลยทั้งสองใช้ความระมัดระวัง

               ดูแลและบํารุงรักษาอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างดีและมิได้ประมาทเลินเล่อ แต่ไม่ได้พิสูจน์

               ให้เห็นว่าการที่เต้ารับอุปกรณ์ไฟฟ้าเกิดการสะสมความร้อนจนทําให้กระแสไฟฟ้า
               ลัดวงจรและเกิดเพลิงไหม้ เป็นเหตุที่ไม่อาจป้องกันได้อย่างไร จึงฟงงไม่ได้ว่าเหตุ

               เพลิงไหม้เกิดแต่เหตุสุดวิสัย จําเลยทั้งสองจึงไม่พ้นความรับผิดแม้จะมิได้ประมาท
               เลินเล่อก็ตาม จําเลยทั้งสองต้องรับผิดต่อโจทก์ตามคําพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๑

               ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษามา ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจําเลยทั้งสองฟงงไม่ขึ้น

                      พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ


                     (นุจรินทร์ จันทร์พรายศรี – วิวรรต นิ่มละมัย – ปกรณ์ มหรรณพ)


                                                                    ประเสริฐ เสียงสุทธิวงศ์ - ย่อ

                                                               อดุลย์ ขันทอง/วิรัช ชินวินิจกุล - ตรวจ
   45   46   47   48   49   50   51   52   53   54   55