Page 51 - 2557 เล่ม 1
P. 51
๕๑
ค าพิพากษาศาลฎีกาที่ ๕๖๒/๒๕๕๗ พนักงานอัยการ
คดีศาลแขวงนครราชสีมา โจทก์
นายสาร มรกฎ จ าเลย
ป.อ. ยักยอก มาตรา ๓๕๒
ป.วิ.พ. ฎีกาไม่เป็นสาระแก่คดี มาตรา ๒๔๙ วรรคหนึ่ง
ป.วิ.อ. สิทธินําคดีอาญามาฟ้องระงับ, นําบทบัญญัติ ป.วิ.พ. มาใช้ มาตรา ๓๙ (๒),๑๕
คดีอาญาความผิดต่อส่วนตัวและยังไม่ถึงที่สุด เมื่อผู้เสียหายทั้ง ๑๑ คน
ถอนค าร้องทุกข์ภายในก าหนดระยะเวลาฎีกา โดยที่ยังไม่มีคู่ความฝ่ายใดยื่นฎีกา
ย่อมเป็นอ านาจของศาลชั้นต้นที่จะพิจารณาสั่ง ฉะนั้น ค าสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาต
ให้ถอนค าร้องทุกข์และให้จ าหน่ายคดีออกจากสารบบความ จึงชอบแล้ว จ าเลย
ไม่อาจยื่นฎีกาขอให้ศาลฎีกาสั่งจ าหน่ายคดีได้อีก ฎีกาของจ าเลยจึงไม่เป็นสาระ
แก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๒๔๙ วรรคหนึ่ง ประกอบ ป.วิ.อ.
มาตรา ๑๕
______________________
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจําเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑,
๓๕๒ ให้จําเลยคืนหรือใช้เงิน ๒๖๖,๕๐๐ บาท แก่ผู้เสียหายทั้ง ๑๑ คน
จําเลยให้การปฏิเสธ แต่ก่อนสืบพยานโจทก์ จําเลยขอถอนคําให้การเดิมและ
ให้การใหม่เป็นรับสารภาพตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จําเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๒
วรรคแรก การกระทําของจําเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทง
ความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ จําเลยกระทําความผิดรวม ๕๔ กระทง จําคุก
กระทงละ ๖ เดือน รวมจําคุก ๓๒๔ เดือน จําเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา
มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจําคุก ๑๖๒
เดือน เมื่อรวมโทษจําคุกทุกกระทงแล้ว ให้จําคุก ๑๐ ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา
๙๑ (๑) ให้จําเลยคืนเงินส่วนที่เหลือ ๑๕๖,๕๐๐ บาท แก่ผู้เสียหายทั้ง ๑๑ ค น