Page 90 - 2557 เล่ม 1
P. 90

๙๐



               ๗๒ วรรคสาม,  ๗๒ ทวิ วรรคสอง การกระทําของจําเลยเป็นความผิดหลายกรรม
               ต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา

               มาตรา ๙๑ ฐานพยายามฆ่าผู้อื่น เป็นการกระทําโดยป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ

               จําคุก ๗ ปี ฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต
               จําคุก ๑ ปี ฐานพาอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นและเครื่องกระสุนปืนติดตัวไปในเมือง

               หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและโดยไม่มีเหตุสมควรเป็นกรรมเดียว

               เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ซึ่งเป็น
               กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ จําคุก ๖ เดือน

               รวมจําคุก ๘  ปี ๖ เดือน ทางนําสืบของจําเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ

               ลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจําคุก ๕ ปี ๘ เดือน
               ข้อหาอื่นและคําขออื่นให้ยก

                      โจทก์และจําเลยอุทธรณ์
                      ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ พิพากษายืน

                      จําเลยฎีกา

                      ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จําเลยฎีกาว่า การกระทําของจําเลยเป็นการป้องกัน
               โดยชอบด้วยกฎหมาย เห็นว่า เมื่อศาลชั้นต้นลงโทษจําเลยในความผิดฐาน

               พยายามฆ่าผู้อื่นเพื่อป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ จําเลยอุทธรณ์ว่า จําเลยไม่ใช่

               คนร้ายที่ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหาย ไม่ได้อุทธรณ์ว่าหากฟงงว่าจําเลยเป็นคนร้ายที่ใช้
               อาวุธปืนยิงผู้เสียหาย การกระทําของจําเลยก็เป็นการป้องกันโดยชอบด้วย

               กฎหมายด้วย ดังนี้ ข้อที่ว่าการกระทําของจําเลยเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ

               จึงยุติไปตามคําพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว จําเลยเพิ่งยกข้อเท็จจริงขึ้นอ้างในชั้นฎีกาว่า
               ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าพวกของผู้เสียหายจะหยุดการทําร้ายจําเลยกับพวกเมื่อใด

               ทั้งพวกผู้เสียหายยังทําร้ายนายวิรุจน์ ซึ่งยืนอยู่กับจําเลยด้วยอาวุธมีคมฟงนจนสลบ

               บริเวณที่เกิดเหตุ การกระทําของจําเลยเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จึง
               เป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค ๗ ต้องห้ามมิให้ฎีกา

               ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๙ วรรคหนึ่ง ประกอบ
   85   86   87   88   89   90   91   92   93   94   95