Page 89 - รายงานประจำปี 2562
P. 89

คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำานาจหน้าที่ระหว่างศาล




                                                            ้
                           ็
                              ำ
                                       ้
                                                 ั
                                                     ี
                                              ่
                     ี
               และเสยหายเปนจานวนมากนอยแตกตางกนเพยงใด แลว
               ศาลเป็นผู้ใช้ดุลพินิจกำาหนดให้ซึ่งตามคำาวินิจฉัยดังกล่าว
               “แตกต่างกัน” รวมท้งในกรณีอ่นตามคาวินิจฉัยท่วินิจฉัย
                                        ื
                                              ำ
                                ั
                                                       ี
                                                      ำ
               ว่าเป็นกรณีขัดแย้งกันตามมาตรา ๑๔ ท้งหกคาวินิจฉัย
                                                 ั
                 ั
                                  ี
                           ำ
                     ำ
               น้นก็กาหนดจานวนท่ต้องรับผิดแตกต่างกัน (ยกเว้น
               คำาวินิจฉัยชี้ขาดอำานาจหน้าที่ระหว่างศาลที่ ๒๖/๒๕๔๘
                                                 ี
               เท่าน้นที่มีผลขัดแย้งกันอย่างชัดแจ้งจากท่ต้องรับผิดเต็ม
                    ั
               ตามฟ้องเป็นไม่ต้องรับผิดใด ๆ เลยและได้รับคืนสิทธ ิ
                          ื
                 ั
               ท้งหมดต่อเน่องจากเดิมและได้รับคืนเงินท่ชาระไปแล้ว
                                                  ี
                                                    ำ
                             ำ
               ท้งหมดคืน ส่วนคาวินิจฉัยช้ขาดอานาจหน้าท่ระหว่างศาล
                                                   ี
                                          ำ
                 ั
                                     ี
               ที่ ๖๕/๒๕๕๙ ศาลฎีกา (คำาพิพากษาที่ ๗๖๖๕/๒๕๕๗)   ศาลหน่งได้เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหายและไม่เป็นธรรม”
                                                                     ึ
                                      ี
               พิพากษายกฟ้องจาเลยท่  ๒ แต่ศาลปกครอง  (คด     ี  โดยมีคำาวินิจฉัยช้ขาดอำานาจหน้าท่ระหว่างศาลท  ่ ี
                               ำ
                                                                               ี
                                                                                               ี
                             ี
               หมายเลขแดงท่ อ. ๒๗๖-๒๗๘/๒๕๕๘) พิพากษา           ๑๐/๒๕๕๐, ๑/๒๕๖๐ ท่ยังคงเห็นว่าคู่ความต้องเป็น
                                                                                     ี
                         ี
               ให้จาเลยท่ ๒ ดังกล่าวต้องรับผิดด้วย และคานวณ    คู่ความเดียวกันเช่นเดียวกับในคำาวินิจฉัยคำาวินิจฉัยช้ขาด
                   ำ
                                                       ำ
                                                                                                         ี
                              ำ
                                   ี
               ความรับผิดของจาเลยท่ ๑ ให้ต้องรับผิดน้อยลงกว่าท  ่ ี  อำานาจหน้าที่ระหว่างศาลที่ ๑๒/๒๕๔๖
               ศาลยุติธรรมตัดสิน
                                                                            ี
                                                                      กรณีน้มีข้อสังเกตว่าตามพระราชบัญญัติว่าด้วย
                      หากคาว่า “แตกต่างกัน” ไม่ใช่ “ขัดแย้งกัน”   การวินิจฉัยชี้ขาดอำานาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒
                           ำ
                              ำ
                                        ี
                   ี
               ดังน้จะถือว่าเป็นคาพิพากษาท่ขัดแย้งกันตามหลักเกณฑ ์  มาตรา ๑๔ น้น มิได้จำากัดเพียง “คู่ความ” ท่จะย่นคำาร้อง
                                                                                                      ื
                                                                                                  ี
                                                                          ั
                                               ี
                                                   ำ
               ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยช้ขาดอานาจหน้าท ี ่  ตามมาตรานี้ได้
               ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๔ หรือไม่ และเป็น
                                                                               ั
                                                                                                   ั
                                                                                                       ั
                                                                                              ี
                                                                                              ่
               ไปได้หรือไม่ว่าต้องพิจารณาโดยแยกเป็น “ขัด” คำาหนึ่ง    นอกจากน้น “คู่ความ” ตามทวินิจฉยไว้ดงกล่าว
                                                                                    ั
                                                                                       ั
                                                                                               ื
                                                                                       ้
                                                                ั
                                                                          ู
                                                                                 ี
                                                                                                      ื
               และ “แย้ง” อีกคำาหนึ่ง                          จกต้องเป็นค่ความเดยวกนทงหมดหรอไม่ หรอเฉพาะ
                                                               ผู้ที่มีความสำาคัญมากท่สุดในแต่ละคดีน้น เพราะตาม
                                                                                   ี
                                                                                                 ั
                      ระดับของความขัดแย้งตามท่คณะกรรมการได   ้
                                              ี
               วินิจฉัยไว้ว่าเป็นกรณีตามมาตรา ๑๔ ท้งหกคาวินิจฉัยน้น     คำาวินิจฉัยชี้ขาดอำานาจหน้าที่ระหว่างศาลที่ ๖๒/๒๕๔๗
                                                   ำ
                                              ั
                                                           ั
                                                               ผู้ถูกฟ้องคดีท่ ๒ (กระทรวงการคลัง) ไม่ได้เป็นคู่ความ
                                                                          ี
                                ี
                                     ำ
               มีเพียงคาวินิจฉัยช้ขาดอานาจหน้าท่ระหว่างศาลท่   ี  ในคดีท่ศาลยุติธรรม ตามคำาวินิจฉัยช้ขาดอำานาจหน้าท ี ่
                       ำ
                                                ี
                                                                     ี
                                                                                              ี
                                ี
               ๒๖/๒๕๔๘ เท่าน้นท่เป็นกรณีขัดแย้งอย่างชัดแจ้งดังกล่าว    ระหว่างศาลที่ ๒๖/๒๕๔๘ และ ๑๙/๒๕๕๒ ผู้คำาประกัน
                             ั
                                                                                                     ้
                                  ื
                        ำ
               ส่วนตามคาวินิจฉัยอ่น ๆ เป็นเพียงกาหนดจานวน      ไม่ได้เป็นผู้ถูกฟ้องคดีท่ศาลปกครอง คำาวินิจฉัยช้ขาด
                                                 ำ
                                                       ำ
                                                                                                         ี
                                                                                   ี
                          ี
                                              ั
               ความรับผิดท่ “แตกต่างกัน” เท่าน้น หากใช้เกณฑ์น  ี ้
                                                            ั
               ในกรณีท่ยกคาร้องมีอีกหลายคาวินิจฉัยท่มีลักษณะท่ท้ง  อำานาจหน้าที่ระหว่างศาลที่ ๒/๒๕๕๗ และ ๖๕/๒๕๕๙
                                                 ี
                       ี
                                                          ี
                          ำ
                                        ำ
               ขัดแย้งชัดแจ้งและแตกต่างกัน                     มีผู้ถูกฟ้องคดีหลายรายไม่ได้เป็นคู่ความในคดีท  ่ ี
                                                               ศาลยุติธรรม
               ๓. ความหมายของคำาว่า “คู่ความ”
                                                               ๔. ประเด็น “ประโยชน์แห่งความยุติธรรม
                                    ี
                                                  ี
                      กรณีคำาวินิจฉัยช้ขาดอำานาจหน้าท่ระหว่างศาล
               (คำาส่ง) ท่ ๑๒/๒๕๔๖ อธิบายคำาว่า คู่ความ ไว้ว่า เป็นกรณ  ี  และความเป็นไปได้ในการปฏิบัติตาม
                   ั
                      ี
               “โจทก์ฟ้องจำาเลยต่อศาลหน่งและจำาเลยฟ้องโจทก์ต่ออีก   คำาพิพากษาหรือคำาสั่งของศาล”
                                      ึ
                                                                                                  ี
                                                                                    ี
                      ึ
               ศาลหน่งโดยอาศัยมูลความแห่งคดีเดียวกันและศาล            กรณีคำาวินิจฉัยช้ขาดอำานาจหน้าท่ระหว่างศาล
               สองศาลตัดสินแตกต่างกัน โดยศาลหนึ่งให้โจทก์ชนะคดี  ท่ ๑๙/๒๕๕๒ ศาลยุติธรรม (คำาพิพากษาศาลฎีกาท   ี ่
                                                                ี
                                                                                              ี
               แต่อีกศาลหนึ่งให้จำาเลยชนะคดี ดังนี้จะเห็นได้ว่าคู่ความ  ๒๑๕๕/๒๕๔๒) พิพากษาให้ชดใช้ทุนท่ลาไปศึกษาอบรม
                                                   ั
                      ี
               ไม่อาจท่จะปฏิบัติตามคำาพิพากษาหรือคำาส่งของศาลใด  ขณะคดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ ผู้รับทุนกลับเข้ารับราชการ
                                                                                           บทความที่น่าสนใจ   83
   84   85   86   87   88   89   90   91   92   93   94