Page 88 - รายงานประจำปี 2562
P. 88
ั
ศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขแดงที่ อ. ๓๓๗/๒๕๕๔ ๒๕๔๒ มาตรา ๑๔ น้นเองหรือไม่ว่า การจะเกิดกรณ ี
่
็
้
ี
ำ
ี
ั
ิ
็
่
จะวินิจฉัยข้อเท็จจริงท่มีลักษณะทำานองเดียวกัน และ คาพพากษาขัดแย้งกนในกรณีทเป็น “ขอเทจจรงทเปน
ี
ิ
ิ
ั
ั
ื
ข้อกฎหมายทศาลทงสองใช้เป็นฐานในการพจารณา เร่องเดียวกัน” น้น การท่จะขัดแย้งกันย่อมต้องเป็นผล
ี
้
่
ี
ั
ั
ิ
ี
พิพากษาคดีตามคำาพิพากษาท้งสองฉบับจะอาศัย จากมุมมองท่มีต่อข้อเท็จจริงเดียวกันน้นต่างกัน และส่งท ่ ี
ื
่
ั
่
ุ
ี
ำ
้
บทบัญญัติของกฎหมายเดียวกัน เม่อข้อเท็จจริงท่ปรากฏ ทาใหผลของมมมองของแตละศาลแตกตางกนจนเป็น
แตกต่างกัน ผลของคดีจึงแตกต่างกันไปตามข้อเท็จจริง กรณีขัดแย้งกันน้นเกิดจากการใช้ดุลพินิจของแต่ละศาล
ั
ี
ิ
ท่ต่างกัน และเป็นการวินิจฉัยถึงคำาส่งของเจ้าพนักงานท้องถ่น ที่มีต่อข้อเท็จจริงที่เป็นเรื่องเดียวกันแล้วแต่ละศาลจะให้
ั
ึ
้
้
ี
ั
ั
็
่
ึ
ุ
่
คนละฉบับซ่งบังคับให้กระทำาต่ออาคารคนละอาคารและ เหตผลทเกยวของกบกรณนน ๆ ซงเปนไปตามดลพนจ
ี
ิ
ิ
ี
่
ุ
ำ
ำ
เจ้าของอาคารเป็นบุคคลคนละคนกัน และวินิจฉัยถึงการ ของแต่ละศาลดังกล่าว การท่ผ้ย่นคาร้องว่าคาพิพากษา
ื
ู
ี
ี
ึ
ดัดแปลงต่อเติมอาคารท่เกิดข้นในช่วงเวลาแตกต่างกัน ขัดแย้งกันย่อมจะต้องอธิบายเหตุผลของผ้ร้องว่ามีเหตุผล
ู
แม้เจ้าพนักงานผู้ต้องปฏิบัติตามผลคำาพิพากษาจะเป็น ประการใดท่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยอย่างไรกับเหตุผล
ี
ำ
ี
ึ
ี
คนเดียวกันและอาคารท่เก่ยวข้องจะอยู่ติดกันก็ตาม กรณ ในคาวินิจฉัยของแต่ละศาล ซ่งต้องเป็นการโต้แย้งต่อ
ี
่
ี
ิ
ั
ิ
ั
ิ
ี
ย่อมไม่อาจมข้อขดข้องในการปฏบตตามคำาพพากษาท ศาลใดศาลหนึ่ง
ถึงที่สุดของทั้งสองศาล ประกอบกับเมื่อพิจารณาคำาร้อง ท้งการท่คณะกรรมการกาหนดให้ปฏิบัติตาม
ั
ำ
ี
ั
ของผู้ร้องท้งสองมีลักษณะเป็นการโต้แย้งการใช้ดุลพินิจ คำาพิพากษาของศาลใด ที่ผ่านมาล้วนไม่เข้าไปตรวจสอบ
ิ
ู
ึ
ุ
่
ั
ในการรบฟังข้อเทจจรงของศาลปกครองสงสด ซงไม่อย่ ู การใช้ดุลพินิจของแต่ละศาลว่าเป็นไปด้วยเหตุผล
็
ในอำานาจของคณะกรรมการ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วย ประการใด เพียงถือเอาผลคาพิพากษาของศาลท่มีอานาจ
ี
ำ
ำ
การวินิจฉัยชี้ขาดอำานาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ หน้าท่โดยตรงเป็นหลักในการพิจารณาว่าโดยลักษณะ
ี
ู
ื
ำ
พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร ท่ใช้บังคับในกรณี ของเน้อหาแห่งคดีควรอย่ในอานาจของศาลใดก็ให้ถือ
ี
ี
ั
ำ
ั
ี
ำ
ี
ตามคาวินิจฉัยช้ขาดอานาจหน้าท่ระหว่างศาล (คาส่ง) ปฏิบติตามคาพิพากษาของศาลน้น ซ่งเป็นหลักท่น่าจะ
ำ
ึ
ั
ำ
ำ
ี
ำ
ำ
ี
ที่ ๙๑/๒๕๖๒ เป็นฉบับปี ๒๔๗๙ กับ ปี ๒๕๒๒ ซึ่งมี นาไปใช้ในคาวินิจฉัยช้ขาดอานาจหน้าท่ระหว่างศาลท่ ี
สาระโดยเฉพาะในเรื่องที่จะวินิจฉัยแตกต่างกัน แต่กรณี ๑๕๙/๒๕๖๐ และกรณีทานองเดียวกันด้วย แต่อย่างไร
ำ
ำ
ำ
ำ
ี
ิ
ำ
ื
่
ี
ี
คาวินิจฉัยท่ ๑๒/๒๕๔๖ ท่เป็นเรองกาหนดเวลาใช้สทธ ก็ตามคาวินิจฉัยช้ขาดอานาจหน้าที่ระหว่างศาลท่ ี
ิ
ตามเรียกร้องค่าทดแทนการเวนคืนตามพระราชบัญญัต ๑๙/๒๕๕๒ ให้ปฏิบัติตามคำาพิพากษาทั้งสองศาล
ิ
ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ฉบับ
เดียวกันมาตราเดียวกัน แต่การแจ้งผลการพิจารณา ๒. ความหมายของคำาว่า “ขัดแย้งกัน”
อุทธรณ์น้นศาลปกครองเห็นว่าเป็นคาส่งทางปกครอง คำาว่า “ขัดแย้งกัน” ตามพระราชบัญญัติว่าด้วย
ั
ั
ำ
ั
ี
ท่มีกาหนดเวลาในการฟ้องตามพระราชบัญญัติจัดต้ง การวินิจฉัยชี้ขาดอำานาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒
ำ
ศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ด้วย มาตรา ๑๔ นั้น มีความหมายเช่นเดียวกับคำาว่า “แตกต่างกัน”
ำ
ซ่งเป็นกาหนดเวลาใช้สิทธิเช่นเดียวกัน ทาให้อาจต้อง หรือไม่ เพราะหากว่าไม่ใช่คาท่มีความหมายเดียวกันแล้ว
ำ
ึ
ี
ำ
ำ
ำ
พิจารณาการแปลคาว่า “อายุความ” กับ “กาหนดเวลา” กรณีคาวินิจฉัยช้ขาดอานาจหน้าท่ระหว่างศาลท่ ี
ี
ำ
ี
ำ
หรือ “ระยะเวลา” ว่าจะให้มีผลแตกต่างกันอย่างไรหรือ ๖๒/๒๕๔๗ และ ๒/๒๕๕๗ การที่ทั้งสองศาลต่างเห็นว่า
ำ
ไม่ด้วย นอกจากน้นเหตุผลท่ว่า “คาร้องของผ้ร้องท้งสอง การกระทาตามฟ้องท่เป็นการละเมิดเกิดขึ้น ผ้กระทำา
ี
ั
ู
ู
ำ
ี
ั
มีลักษณะเป็นการโต้แย้งการใช้ดุลพินิจในการรับฟัง ละเมิดเป็นคนคนเดียวกันและต้องรับผิดชอบชดใช้ค่า
ข้อเท็จจริงของศาลปกครองสูงสุด ซ่งไม่อย่ในอานาจของ เสียหายให้แก่ผ้เสียหายเช่นเดียวกัน เพียงแต่จานวน
ึ
ู
ำ
ำ
ู
ี
คณะกรรมการ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัย ค่าเสียหายท่แต่ละศาลรับฟังพยานหลักฐานท่ค่ความ
ี
ู
ำ
ำ
ช้ขาดอานาจหน้าท่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒” น้น จะทาให นาสืบถึงความเสียหายท่เกิดข้นกรณีตามคาวินิจฉัยท่ ี
ี
ี
้
ึ
ำ
ั
ี
ำ
ำ
เกิดผลสะท้อนกลับไปยังบทบัญญัติในพระราชบัญญัต ๖๒/๒๕๔๗ ส่วนราชการและอีกฝ่ายย่อมต้องนาสืบแสดง
ิ
วาดวยการวนจฉยชขาดอานาจหนาทระหวางศาล พ.ศ. ให้ศาลเห็นว่าช้นส่วนใดของรถยนต์ท่ได้รับความเสียหาย
่
้
ิ
ี
ำ
ั
้
ี
ิ
่
่
ี
ิ
้
82 บทความที่น่าสนใจ