Page 87 - รายงานประจำปี 2562
P. 87
คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำานาจหน้าที่ระหว่างศาล
ิ
ี
ิ
วธพจารณาความแพงมาตรา ๑๔๕ และตามพระราช จาก ๔ ชั้น เป็น ๖ ชั้น โดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติควบคุม
่
ั
บัญญัติจัดต้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง อาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ และเป็นกรณีท่ไม่สามารถแก้ไข
ี
พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๗๐ และ ๗๑ ตามคำาวินิจฉัยชี้ขาด เปล่ยนแปลงให้ถูกต้องได้หรือไม่ก็ตาม แต่เม่อศาลฎีกา
ี
ื
อำานาจหน้าที่ระหว่างศาล (คำาสั่ง) ที่ ๑/๒๕๖๐ ด้วยแล้ว วินิจฉัยว่า การดัดแปลงอาคารเลขที่ ๕๔ - ๕๖ ในส่วน
ำ
ิ
ิ
้
ิ
ั
ื
้
จะย่งเป็นข้อจากัดการใช้บังคับตามพระราชบัญญัต การต่อเตมจาก ๔ ชั้นเป็น ๖ ชน เสรจสนเมอต้นปี ๒๕๑๘
่
ิ
็
ว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำานาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ในขณะท่ยังใช้บังคับตามพระราชบัญญัติควบคุม
ี
๒๕๔๒ มาตรา ๑๔ หรือไม่ เป็นข้อที่พึงพิจารณาต่อไป อาคาร พ.ศ. ๒๔๗๙ ถือว่าเป็นการกระทำาท่สามารถ
ี
ี
ี
กรณีคำาวินิจฉัยช้ขาดอำานาจหน้าท่ระหว่างศาล แก้ไขเปล่ยนแปลงให้ถูกต้องได้ ตามมาตรา ๔๑ แห่ง
ี
ื
ั
ี
(คำาส่ง) ท่ ๙๑/๒๕๖๒ ผู้ร้องย่นคำาร้องว่าคำาพิพากษา พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ดังนั้น เมื่อ
ศาลฎีกาที่วินิจฉัยว่า คำาสั่งที่ กท ๙๐๐๗/๒๑๙๗ ลงวันที่ เจ้าพนักงานท้องถิ่น จำาเลยที่ ๒ มีคำาสั่งให้เจ้าของอาคาร
ี
ี
ื
๑ มิถุนายน ๒๕๔๒ ที่ให้รื้อถอนอาคาร เลขที่ ๕๔ - ๕๖ เลขท่ ๕๔-๕๖ (โจทก์) ร้อถอนส่วนท่ดัดแปลงโดยไม่ได้
ั
ั
ั
ในส่วนท่ดัดแปลงต่อเติมจาก ๔ ช้น เป็น ๖ ช้น เป็นคำาส่ง ปฏิบัติตามมาตรา ๔๑ แห่งพระราชบัญญัติควบคุม
ี
ื
ั
ี
ำ
ิ
ี
่
ั
่
ทไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้เพกถอนคาสงดงกล่าว ส่วน อาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ท่ต้องส่งให้ย่นคำาขออนุญาตหรือ
ั
ี
คำาพิพากษาศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า คำาส่งท่ กท แจ้งตามมาตรา ๓๙ ทวิ หรือแก้ไขเปล่ยนแปลงให้ถูกต้อง
ั
ี
ี
ั
๙๐๐๗/๒๑๙๖ ลงวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๔๒ ที่ให้รื้อถอน ภายในระยะเวลาท่กำาหนดเสียก่อน จึงเป็นคำาส่งท ่ ี
ั
ิ
่
้
ื
ำ
้
อาคารเลขที่ ๓๒ - ๓๔ - ๓๖ - ๓๘ ของผู้ร้องทั้งสองเป็น ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ใหเพกถอนคาสงรอถอนอาคารเลขท ่ ี
ี
คำาส่งท่ชอบด้วยกฎหมาย ท้ง ๆ ท่เน้อหาของคำาส่งท้งสอง ๕๔ - ๕๖ ส่วนที่ต่อเติมดัดแปลงจาก ๔ ชั้น เป็น ๖ ชั้น
ั
ั
ี
ั
ั
ื
ี
ี
ื
ั
ฉบับน้ส่งให้ร้อถอนอาคารในส่วนท่ดัดแปลงต่อเติมจาก ส่วนศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยในประเด็นการดัดแปลง
๔ ชั้น เป็น ๖ ชั้น เหมือนกันคณะกรรมการพิจารณาแล้ว ต่อเติมอาคารเลขที่ ๓๒ - ๓๘ ก็เพื่อนำาไปสู่การวินิจฉัย
ี
ี
เห็นว่า คดีตามคำาพิพากษาศาลฎีกาท่ ๓๓๘๔/๒๕๕๔ ประเด็นแห่งคดีว่าเจ้าหน้าท่ของรัฐละเลยต่อหน้าท่ตาม
ี
ี
ี
เป็นกรณีท่เจ้าของอาคารเลขท่ ๕๔ - ๕๖ ฟ้องขอให้ตรวจสอบ ท่กฎหมายกำาหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าท่ล่าช้า
ี
ี
ั
ความชอบด้วยกฎหมายของคำาส่งของเจ้าพนักงานท้องถ่น เกินสมควรหรือไม่ว่า กรณีรับฟังได้ว่าตามสัญญาซื้อขาย
ิ
ี
ี
คำาสั่งที่ กท ๙๐๐๗/๒๑๙๗ ลงวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๔๒ ท่เจ้าของอาคารเลขท่ ๓๒ - ๓๘ คนเดิมรับโอนกรรมสิทธ ์ ิ
ั
ื
ี
ท่มีคำาส่งให้ร้อถอนอาคารเลขท่ ๕๔ - ๕๖ และขอให้ มาเมื่อปี ๒๕๓๘ ระบุว่าเป็นการซื้ออาคารตึกแถว ๔ ชั้น
ี
ี
ื
ั
เพิกถอนคำาส่งให้ร้อถอนอาคารฉบับดังกล่าว ส่วนคด ี ในขณะท่พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒
ตามคำาพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขแดงท มีผลใช้บังคับแล้ว และต่อเติมดัดแปลงอาคารจาก ๔ ชั้น
ี
่
อ. ๓๓๗/๒๕๕๔ เจ้าของอาคารเลขที่ ๕๔ - ๕๖ ฟ้องว่า เป็น ๖ ชั้น โดยมีการต่อเติมแนวกันสาดด้านหลังอาคาร
เจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าท่ตามกฎหมายหรือปฏิบัต ชั้น ๑ ถึงชั้น ๕ และทำาหนังสือยอมรับกับเจ้าของอาคาร
ิ
ี
หน้าท่ล่าช้าเกินสมควร ขอให้เจ้าพนักงานท้องถ่นดำาเนิน เลขที่ ๕๔ - ๕๖ ว่าเป็นผู้ต่อเติมดัดแปลงอาคารโดยไม่ได้
ิ
ี
ื
การตามคำาสั่งที่ กท ๙๐๐๗/๒๑๙๖ ลงวันที่ ๑ มิถุนายน รับอนุญาต สร้างโครงเหล็กเช่อมจากแนวกันสาดด้านหลัง
ื
ี
ึ
๒๕๔๒ ท่ให้ร้อถอนอาคารเลขท่ ๓๒ - ๓๘ ของผู้ร้อง อาคารไปเช่อมติดกับผนังอาคารเลขท่ ๕๔ - ๕๖ ซ่งเป็นกรณ ี
ี
ื
ี
ท้งสอง คำาส่งของเจ้าพนักงานท้องถ่นตามคำาพิพากษา ท่ไม่สามารถแก้ไขเปล่ยนแปลงให้ถูกต้องได้ เจ้าพนักงาน
ี
ี
ั
ั
ิ
ิ
ในแต่ละคดีของแต่ละศาลดังกล่าวน้นเป็นคนละคำาส่งกัน ท้องถ่นจึงมีอำานาจตามมาตรา ๔๐ (๑) และ (๒) แห่ง
ั
ั
ี
ั
และส่งให้กระทำาแก่อาคารคนละเลขท่กัน (ท่อยู่ติดกัน พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ให้ระงับการ
ี
สร้างพร้อมกันบนโครงสร้างเดียวกัน) แม้คดีตาม ก่อสร้าง ห้ามมิให้บุคคลใดใช้หรือเข้าไปในส่วนใด ๆ ของ
ั
คำาพิพากษาท้งสองฉบับดังกล่าวจะมีปัญหาข้อเท็จจริง อาคารน้น และมีอำานาจส่งให้ร้อถอนอาคารน้นท้งหมด
ั
ั
ื
ั
ั
และข้อกฎหมายท่ศาลท้งสองต้องพิจารณาวินิจฉัยเกี่ยวกับ หรือบางส่วนได้ภายในระยะเวลาท่กำาหนดตามมาตรา ๔๒
ั
ี
ี
คำาส่งของเจ้าพนักงานท้องถ่นท่ให้ร้อถอนอาคารเป็นเร่อง แห่งพระราชบัญญัติเดียวกัน ดังน้น แม้ประเด็นข้อพิพาท
ั
ี
ื
ื
ั
ิ
เดียวกันในประเด็นท่ว่าอาคารพิพาทมีการดัดแปลงต่อเติม ตามคำาพิพากษาศาลฎีกาท่ ๓๓๘๔/๒๕๕๔ และคำาพิพากษา
ี
ี
บทความที่น่าสนใจ 81