Page 82 - รายงานประจำปี 2562
P. 82

ี
            พิจารณาใน “ประเด็น” เดียวกันแล้ว ในกรณีปกติต้องผ่าน  ท่ศาลปกครองและศาลยุติธรรมวินิจฉัยให้จ่ายค่าจ้างตาม
                                        ๔
                                                                                     ี
            ขั้นตอนตามมาตรา ๑๐ หรือ ๑๒  ของพระราชบัญญัติ  สัญญาจ้างแตกต่างกัน กรณีน้มีลักษณะทำานองเดียวกับ
                       ิ
                            ั
                         ิ
                                              ี
                                                    ่
             ่
                ้
                                              ่
                                                                       ี
                                            ้
                              ี
                              ้
            วาดวยการวนจฉยชขาดอานาจหนาทระหวางศาล  กรณีละเมิดท่วินิจฉัยว่ามีการกระทำาละเมิดเช่นเดียวกัน
                                    ำ
                             ่
                         ่
                                   ึ
            พ.ศ. ๒๕๔๒ กอนทจะมาถงมาตรา ๑๔ (อาจมยกเวน  แต่กำาหนดจำานวนเงินแตกต่างกัน
                                                        ้
                                                    ี
                             ี
                                  ั
                                                    ้
                               ่
                      ุ
                        ่
                                          ่
                                                ำ
                                                   ้
                     ี
                     ่
            บางกรณีททกฝายมองผานปญหาดังกลาวไป ทาใหตองมาใช  ้        นอกจากน้นยงมีกรณทคณะกรรมการวินิจฉัย
                                                                                       ี
                                                                                     ี
                                                                               ั
                                                                            ั
                                                                                       ่
            มาตรา ๑๔) แม้ในเรื่องละเมิดและสัญญาอาจมีประเด็น   ช้ขาดอำานาจหน้าท่ระหว่างศาลเห็นว่าคำาพิพากษาไม่ใช่
                                                                            ี
                                                             ี
                                                ู
            หลักว่าเป็นละเมิดหรือไม่หรือใครเป็นผ้ต้องรับผิด   กรณีตามมาตรา ๑๔ นั้นมีข้อสังเกตดังนี้
                         ็
                           ี
                            ้
                               ี
                                ้
                                    ิ
                                           ั
            ตามสญญาแตกมขอทตองพจารณาลกษณะของละเมด
                               ่
                        ่
                 ั
                                                         ิ
                                                                                 ี
                                                                                               ี
                                ำ
            หรือสัญญาว่าควรอย่ในอานาจของศาลระบบใด และเพราะ         กรณีคำาวินิจฉัยช้ขาดอำานาจหน้าท่ระหว่างศาล
                            ู
                                                                ั
                                                                                                       ื
                                                                    ี
                                                                                  ื
            เหตุความคาบเก่ยวดังกล่าวและในกรณีอ่น ๆ มาตรา ๑๔   (คำาส่ง) ท่ ๑๒/๒๕๔๖ แม้เน้อหาของแต่ละคดีจะเป็นเร่อง
                                             ื
                          ี
                                                                                     ี
                               ี
                                                      ี
            จึงบัญญัติให้เป็นกรณีท่ขัดแย้งกันใน “ข้อเท็จจริงท่เป็น  จ่ายค่าทดแทนการเวนคืนท่ดินตามพระราชบัญญัต  ิ
            เรื่องเดียวกัน” มิใช่ “ประเด็น” เดียวกัน        ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ เช่นเดียวกัน
                                                            คณะกรรมการวางหลักในการวินิจฉัยไว้ว่าจะต้องเป็น
                    และคาวินิจฉัยช้ขาดอานาจหน้าที่ระหว่างศาล  คู่ความเดียวกันแต่ผลคดีของศาลแต่ละระบบแตกต่างกัน
                                 ี
                        ำ
                                      ำ
                                          ั
            ท่ ๒๖/๒๕๔๘ และ ๑๙/๒๕๕๒ น้นสร้างความชัดเจน       คดีตามคำาวินิจฉัยน้ ผู้ร้องท้งสามอ้างว่าคำาส่งศาลปกครอง
              ี
                                                                                  ั
                                                                            ี
                                                                                              ั
                                       ี
                                            ื
                      ึ
            ประการหน่งว่า “ข้อเท็จจริงท่เป็นเร่องเดียวกัน” ม ี  สูงสุดท่ ๒๐๒/๒๕๔๕ ตามมติท่ประชุมใหญ่วินิจฉัยว่า
                                                                  ี
                                                                                       ี
                             ำ
            ขอบเขตท่กว้างกว่าคาว่า “ประเด็นเดียวกัน” เพราะกรณ ี  มีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครองได้ภายใน ๑ ปี นับแต่วันที่
                    ี
            มีปัญหาว่าเป็น “ประเด็นเดียวกัน” หรือไม่นั้น อาจเกิด  ได้รับแจ้งคำาวินิจฉัยไม่ว่าคำาวินิจฉัยของรัฐมนตรีจะ
            ขึ้นในกรณีที่มี “ข้อเท็จจริงที่เป็นเรื่องเดียวกัน” ได้  วินิจฉัยเสร็จเกินกำาหนด ๖๐ วันไปนานเท่าไร เพราะ
                    กรณีคำาวินิจฉัยช้ขาดอำานาจหน้าท่ระหว่างศาลท  ถือว่าเป็นวันรู้เหตุแห่งการฟ้องคดีตามพระราชบัญญัต ิ
                                                          ี
                                 ี
                                               ี
                                                          ่
                                                             ั
                                                                                    ิ
            ๖๔/๒๕๕๙ เปนกรณสญญาจางสรางซมเฉลมพระเกยรต  จดตงศาลปกครองและวธพจารณาคดปกครอง พ.ศ.
                                                                                             ี
                                                                                  ี
                                                                ั
                                                                ้
                                                                                 ิ
                                                          ิ
                               ั
                                    ้
                                        ้
                                                      ี
                                           ุ
                                                ิ
                        ็
                             ี
                                           ้
            ๔
               กรณีตามมาตรา ๑๐ และ ๑๒ ก็อาจมีปัญหาได้เช่นกันว่าเป็น “ประเด็น” หรือเป็น “เรื่อง” เดียวกัน แต่ไม่กระทบกับถ้อยคำาในตัวบท
            เท่ากับกรณีมาตรา ๑๔
              พระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำานาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒
                                                                            ู
              มาตรา ๑๐ ในกรณีท่มีการฟ้องคดีต่อศาลใด ถ้าค่ความฝ่ายท่ถูกฟ้องเห็นว่าคดีดังกล่าวอย่ในเขตอานาจของอีกศาลหน่ง ให้ย่นคาร้อง
                                                                                  ำ
                              ี
                                                                                                    ื
                                                                                                ึ
                                                 ู
                                                                                                      ำ
                                                         ี
                                                                                ั
                                                                                                        ื
                                                                     ั
                                    ำ
                                                                                     ำ
            ต่อศาลท่รับฟ้องก่อนวันสืบพยานสาหรับศาลยุติธรรมหรือศาลทหาร หรือก่อนวันน่งพิจารณาคดีคร้งแรกสาหรับศาลปกครองหรือศาลอ่น
                   ี
            ในการนี้ให้ศาลที่รับฟ้องรอการพิจารณาไว้ชั่วคราว และให้จัดทำาความเห็นส่งไปให้ศาลที่คู่ความร้องว่าคดีนั้นอยู่ในเขตอำานาจโดยเร็ว ในกรณี
            เช่นว่านี้ให้ศาลที่เกี่ยวข้องดำาเนินการ ดังต่อไปนี้
              (๑) ถ้าศาลที่ส่งความเห็นมีความเห็นว่าคดีนั้นอยู่ในเขตอำานาจของศาลตน และศาลที่รับความเห็นมีความเห็นพ้องกับศาลดังกล่าว ให้แจ้ง
            ความเห็นไปยังศาลที่ส่งความเห็นเพื่อมีคำาสั่งให้ดำาเนินกระบวนพิจารณาคดีในศาลเดิมนั้นต่อไป
                                                                                  ี
              (๒) ถ้าศาลท่ส่งความเห็นมีความเห็นว่าคดีน้นอย่ในเขตอานาจของอีกศาลหน่งท่ค่ความอ้าง และศาลท่รับความเห็นมีความเห็นพ้องกับศาล
                                            ั
                                                                  ึ
                       ี
                                               ู
                                                    ำ
                                                                   ี
                                                                    ู
                                                   ั
                                                                                 ื
                                                                                                 ี
                                                 ำ
            ดังกล่าว ให้แจ้งความเห็นไปยังศาลท่ส่งความเห็นเพ่อมีคาส่งให้โอนคดีไปยังศาลน้น หรือส่งจาหน่ายคดีเพ่อให้ค่ความไปฟ้องศาลท่มีเขตอานาจ
                                                                                     ู
                                              ื
                                                                  ั
                                                                         ำ
                                                                       ั
                                    ี
                                                                                                      ำ
            ทั้งนี้ ตามที่ศาลเห็นสมควรโดยคำานึงถึงประโยชน์แห่งความยุติธรรม
              (๓) ถ้าศาลที่ส่งความเห็นและศาลที่รับความเห็นมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องเขตอำานาจศาลในคดีนั้น ให้ศาลที่ส่งความเห็นส่งเรื่องไปให้
                                  ี
            คณะกรรมการพิจารณาวินิจฉัยช้ขาดให้เสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันท่ได้รับเร่อง แต่ถ้ามีเหตุจาเป็นให้คณะกรรมการลงมติให้ขยายเวลาออก
                                                                 ื
                                                                            ำ
                                                            ี
            ไปได้ไม่เกินสามสิบวัน โดยให้บันทึกเหตุแห่งความจำาเป็นนั้นไว้ด้วย
              คำาสั่งของศาลตามวรรคหนึ่ง (๑) และ (๒) และคำาวินิจฉัยของคณะกรรมการที่เกี่ยวกับเขตอำานาจศาลตามวรรคหนึ่ง (๓) ให้เป็นที่สุด และ
            มิให้ศาลที่อยู่ในลำาดับสูงขึ้นไปของศาลตามวรรคหนึ่งยกเรื่องเขตอำานาจศาลขึ้นพิจารณาอีก
              ความในมาตรานี้ให้ใช้บังคับกับกรณีที่ศาลเห็นเอง ก่อนมีคำาพิพากษาด้วยโดยอนุโลม
                                                                ี
                             ี
                                                                    ำ
                                                ื
                                                                                 ั
                                                                                                ู
                                                                                          ึ
                                  ำ
                                      ึ
              มาตรา ๑๒ ในกรณีท่มีการนาคดีซ่งมีข้อเท็จจริงเร่องเดียวกันฟ้องต่อศาลท่มีเขตอานาจแตกต่างกันต้งแต่สองศาลข้นไป ถ้าค่ความหรือศาล
            เห็นว่าคดีนั้นไม่อยู่ในเขตอำานาจของศาลใดศาลหนึ่งที่รับฟ้อง ให้นำาความในมาตรา ๑๐ และมาตรา ๑๑ มาใช้บังคับโดยอนุโลม
       76     บทความที่น่าสนใจ
   77   78   79   80   81   82   83   84   85   86   87