Page 1057 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 1057

๑๐๔๕


                                                                                              ั
                                   ๔. คุมตัวไว้ในสถานพยาบาล  วิธีการคุมตัวไว้ในสถานพยาบาลเป็นวิธีการป้องกนมิให้ไปกระท า
                                                                                   ั่
                 ความผิดอก กรณีที่ผู้กระท าความผิดเพราะจิตบกพร่อง  โรคจิตหรือจิตฟนเฟอน ทั้งการคุมตัวไว้ใน
                                                                                       ื
                          ี
                                                                   ี
                 สถานพยาบาลยังเป็นการบ าบัดเพื่อความปลอดภัยของสังคมอกด้วย โดยหลักเกณฑ์เป็นไปตามมาตรา ๔๘ ซึ่งมี
                                                                     ั่
                                                                         ื
                 เงื่อนไขว่า หากศาลจะปล่อยตัวผู้มีจิตบกพร่อง โรคจิตหรือจิตฟนเฟอน เนื่องจากไม่ต้องรับโทษหรือได้รับการ
                                                                           ื
                 ลดโทษตามมาตรา ๖๕ คือกรณีที่ผู้มีจิตบกพร่อง โรคจิตหรือจิตฟนเฟอน กระท าความผิดในขณะที่ตนเองไม่
                                                                        ั่
                 สามารถรู้ผิดชอบหรือไม่สามารถบังคับตนเองได้ ท าให้ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ แต่หากผู้กระท ายังสามารถรู้ผิดชอบ
                 อยู่บ้าง หรือยังสามารถบังคับตนเองได้บ้าง ผู้นั้นจะต้องรับโทษ แต่ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายก าหนดไว้
                 เพยงใดก็ได้ กฎหมายให้อานาจศาลที่จะสั่งให้ส่งตัวไปคุมไว้ในสถานพยาบาลก็ได้ หากศาลเห็นว่าการปล่อยตัว

                   ี
                 ผู้นั้นไปจะไม่ปลอดภัยแก่ประชาชน


                                                                           ื
                                                                       ั่
                                 นอกจากการส่งตัวผู้มีจิตบกพร่อง โรคจิตหรือจิตฟนเฟอน ไปคุมตัวไว้ในสถานพยาบาลตามที่
                 กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมีกรณีตามมาตรา ๔๙  กล่าวคือในกรณีที่ศาลพพากษาลงโทษจ าคุก หรือพพากษาว่ามี
                                                                                                  ิ
                                                                           ิ
                 ความผิดแต่ให้รอการลงโทษ หรือรอการก าหนดโทษ ถ้าศาลเห็นว่าบุคคลนั้นได้กระท าความผิดเกี่ยวเนื่องกับ
                 การเสพสุราเป็นอาจิณ หรือเป็นผู้ติดยาเสพติดให้โทษ ศาลสามารถก าหนดในค าพพากษาว่า บุคคลนั้นต้องไม่
                                                                                     ิ
                                                                                                      ้
                 เสพสุรา ยาเสพติดให้โทษอย่างหนึ่งอย่างใด หรือทั้งสองอย่าง ภายในระยะเวลาไม่เกินสองปีนับแต่วันพนโทษ
                 หรือวันปล่อยตัวเพราะรอการก าหนดโทษหรือรอการลงโทษก็ได้ หากศาลก าหนดไว้ในค าพพากษาดังกล่าวแล้ว
                                                                                           ิ
                 ถ้าผู้นั้นไม่ปฏิบัติตามที่ศาลก าหนดกล่าวคือ ยังเสพสุราหรือยาเสพติดให้โทษตามที่ศาลก าหนด ศาลจะสั่งให้

                 ส่งไปคุมตัวไว้ในสถานพยาบาลเป็นเวลาไม่เกินสองปีก็ได้ ซึ่งการพจารณาข้อเท็จจริงในส่วนนี้ ศาลสามารถใช้
                                                                        ิ
                 เครื่องมือในการสืบค้นข้อเท็จจริงจากคลินิกจิตสังคมได้ ซึ่งมีกระบวนการสืบค้นโดยการประเมินการใช้สารเสพ
                 ติด การดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ และมีแบบวัดความเครียด ของกรมสุขภาพจิต เพื่อประเมินความเครียด

                 ต่างๆในระยะเวลา ๖ เดือนที่ผ่านมา กระบวนการประเมินสามารถให้ผลการประเมินสภาวะทางจิตใจของผู้ถูก
                 ประเมินเบื้องต้นได้ นักจิตวิทยาประจ าคลินิกให้ค าปรึกษาด้านจิตสังคมจะท าสรุปผลการประเมินคัดกรองและ

                 จัดท ารายงานเสนอผู้พพากษาและผู้ให้ค าปรึกษา เพอก าหนดแนวทางที่จะก าหนดให้จ าเลยคุมตัวที่
                                     ิ
                                                                 ื่
                 สถานพยาบาลได้หรือไม่อย่างเหมาะสม

                                 ๕. ห้ามการประกอบอาชีพบางอย่าง  เป็นมาตรการป้องกันจากผู้กระท าความผิดที่อาศัยการ

                 ประกอบอาชีพหรือวิชาชีพ โดยบัญญัติไว้ในมาตรา ๕๐ ก าหนดหลักเกณฑ์ไว้ว่า เมื่อศาลพิพากษาให้ลงโทษผู้ใด
                 ถ้าศาลเห็นว่าผู้นั้นกระท าความผิดโดยอาศัยโอกาสจากการประกอบอาชีพหรือวิชาชีพ หรือเนื่องมาจากการ

                                                                                                      ี
                 ประกอบอาชีพหรือวิชาชีพ และหากผู้นั้นประกอบอาชีพหรือวิชาชีพนั้นต่อไปอาจจะกระท าความผิดซ้ าอก ศาล
                 มีอานาจที่จะสั่งไว้ในค าพพากษาห้ามการประกอบอาชีพหรือวิชาชีพนั้นได้มีกาหนดเวลาไม่เกินห้าปีนับแต่วันที่


                                      ิ
                                                                                                       ี
                 พ้นโทษไปแล้ว โดยพนักงานอัยการไม่ต้องร้องขอ  ในส่วนนี้ผู้เขียนจึงเห็นว่าหากศาลได้รับข้อเท็จจริงที่เพยงพอ
                 ให้พจารณาว่าผู้นั้นกระท าความผิดโดยอาศัยโอกาสจากการประกอบอาชีพหรือวิชาชีพ หมายถึง การจงใจใช้
                    ิ
   1052   1053   1054   1055   1056   1057   1058   1059   1060   1061   1062