Page 1061 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 1061

๑๐๔๙


                                                                      ิ
                 ของศาลของแต่ละคดี โดยมีข้อจ ากัดว่าเป็นการสืบเสาะและพนิจตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๕๖
                                                                                                       ั
                 หมายถึง การแสวงหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประวัติภูมิหลังทางสังคมของจ าเลย สภาพความผิดและเหตุอื่นอนควร
                 ปรานีก่อนศาลมีค าพพากษา โดยมีพนักงานคุมประพฤติเป็นผู้ด าเนินการตามค าสั่งศาลแล้วน ามาวิเคราะห์
                                   ิ
                                                                                                 ิ
                 ประเมินและท ารายงานพร้อมทั้งความเห็นเสนอต่อศาล เพอใช้ประกอบดุลพินิจในการพิจารณาพพากษาคดีว่า
                                                                 ื่
                 จะใช้มาตรการใดจึงจะเหมาะสมกับจ าเลยเป็นรายบุคคล
                            พระราชบัญญัติคุมประพฤติ พ.ศ.๒๕๕๙ และประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๕๖ วรรคแรก ลักษณะ

                 คดีโดยทั่วไปที่จะศาลจะสั่งสืบเสาะและพินิจ ดังนี้
                                     ๑.๑ คดีที่ไม่ปรากฏว่าจ าเลยได้รับโทษจ าคุกมาก่อน หรือปรากฏว่าได้รับโทษจ าคุกมากอน แต่
                                                                                                     ่
                 เป็นโทษส าหรับความผิดที่ได้กระท าโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ

                                     ๑.๒ คดีที่ศาลเห็นว่าจะลงโทษจ าคุกจ าเลยไม่เกิน ๕ ปี เพราะหากพนักงานคุมประพฤติได้ท า
                 รายงานสืบเสาะและพินิจพร้อมทั้งท าความเห็นเสนอต่อศาลว่าจ าเลยสมควรจะได้รับโอกาสปรับปรุงแก้ไข

                                                                                               ิ
                 ตนเองให้เป็นพลเมืองดี และศาลมีความเห็นตามที่พนักงานคุมประพฤติเสนอ ศาลก็จะสามารถพพากษารอการ
                 ลงโทษหรือรอการกาหนดโทษได้

                                     ๑.๓ คดีที่จ าเลยให้การรับสารภาพแล้ว เนื่องจากการสืบเสาะและพินิจ มีวัตถุประสงค์ที่ส าคัญ

                 ประการหนึ่ง คือ การแสวงหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประวัติภูมิหลังของจ าเลย มูลเหตุจูงใจในการกระท าความผิด
                 ความหนักเบาของพฤติการณ์แห่งคดี แนวโน้มเกี่ยวกับพฤติกรรมของจ าเลย เพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุและปัจจัย

                                                  ื่
                 ที่จะท าให้จ าเลยกระท าความผิด และเพอพิจารณาว่าสมควรจะน าวิธีการคุมความประพฤติมาใช้กับจ าเลย
                                                                 ั
                 หรือไม่ และถ้าสมควร จะใช้วิธีการอย่างไรจึงจะเหมาะสมกบจ าเลยแต่ละราย
                             ั
                                                                           ิ
                                                                                ื่
                                                                                             ิ
                                   อนจะเห็นได้ว่าประเภทคดีที่ก าหนดให้มีสืบเสาะและพนิจเพอประกอบดุลพนิจในการรอการ
                 ลงโทษหรือรอการก าหนดโทษ และสมควรน าวิธีการคุมความประพฤติมาใช้หรือไม่ในรูปแบบใด ส่วนคดีที่
                                                                                            ิ
                 น าเข้าสู่โครงการคลินิกจิตสังคมนั้นไม่ได้ถูกจ ากัดในลักษณะเดียวกันกับการสืบเสาะและพนิจ ซึ่งนอกจากคดี
                                                                   ื่
                 เกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษฐานเสพและอาจมีความผิดฐานอนร่วมด้วย ยังรวมถึงคดีเกี่ยวกับความรุนแรงใน
                                                                                                    ี
                 ครอบครัวและคดีอื่นที่ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลพิจารณาเห็นสมควรให้เข้ารับค าปรึกษาด้านจิตสังคมได้อกด้วย ซึ่ง
                                                                                         ื่
                 ขยายขีดจ ากัดในการค้นหาข้อเท็จจริงในด้านอนนอกเหนือจากพฤติการณ์ในคดีมาเพอก าหนดโทษได้อย่าง
                                                        ื่
                 เหมาะสมแก่จ าเลยในแต่ละคดี


                  บทสรุป

                           การน าวิธีการเพื่อความปลอดภัยมาใช้บังคับกับบุคคลใดหรือกรณีใด มากน้อยเพียงใดจ าเป็นที่ศาลต้อง

                                                                                             ื่
                 ค้นหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับด้านพฤติกรรมและจิตใจของผู้ต้องหาหรือจ าเลยให้ได้มากที่สุด เพอที่จะสามารถใช้
                         ื่
                     ิ
                 ดุลพนิจเพอก าหนดวิธีการเพอความปลอดภัยอย่างเหมาะสม   การวิเคราะห์ด้านพฤติกรรมและจิตใจเชิงลึกที่
                                         ื่
                                                   ื่
                                                                                    ี
                                        ื่
                 จะน ามาประกอบดุลพินิจเพอใช้วิธีการเพอความปลอดภัยอย่างเหมาะสมนั้นหากมกระบวนการสืบค้นสอบถาม
   1056   1057   1058   1059   1060   1061   1062   1063   1064   1065   1066