Page 118 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 118
๑๐๕
ิ
ศาลเป็นหนึ่งในอานาจอธิปไตยและเป็นผู้ใช้อานาจตุลาการโดยตรง นอกจากต้องท าหน้าที่พจารณา
ิ
ี
พพากษาอรรถคดีแล้ว ภารกิจส าคัญยิ่งอกประการหนึ่งคือ การคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน
โดยเฉพาะการขังบุคคลที่ต้องหาว่ากระท าผิดอาญา ถ้าศาลได้พิจารณากลั่นกรองอย่างรอบคอบก่อนออกหมาย
ขัง ย่อมเป็นหลักประกันเบื้องต้นได้ดีกว่าการพจารณาปล่อยชั่วคราวในภายหลัง เพราะเมื่อศาลออกหมายขัง
ิ
ไปแล้ว ผลที่ตามมา ไม่เพียงแต่ท าให้เขาสูญเสียเสรีภาพทันทีในขณะที่ยังไม่มีการพิสูจน์ความผิด อาจท าให้เขา
ื่
เสียโอกาสที่จะออกมาแสวงหาพยานหลักฐานเพอใช้ในการต่อสู้คดีด้วย และในการยื่นค าร้องขอปล่อยชั่วคราว
ในคดีที่มีอตราโทษสูง ยังเป็นภาระส าหรับคนจนที่ต้องดิ้นรนหาหลักทรัพย์มาเพอประกันความเชื่อของศาลว่า
ั
ื่
เขาจะไม่หลบหนีหรือจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ฯลฯ แม้ในปัจจุบัน ศาลจะยกระดับการคุ้มครองสิทธิ
ของผู้ต้องหาหรือจ าเลยด้วยการขยายโอกาสในการเข้าถึงสิทธิที่จะได้รับการปล่อยชั่วคราวมากยิ่งขึ้น แต่คดีที่มี
ั
ื่
๑
อตราโทษสูง ก็ยังต้องมีประกันอยู่ และถ้าศาลไม่สามารถหามาตรการใด ๆ เพอปล่อยชั่วคราวโดยไม่ต้องมี
หลักประกันได้ ผู้ต้องหาก็ต้องดิ้นรนหาหลักประกันมายื่นต่อศาล ถ้าไม่สามารถหาได้ ก็เป็นที่แน่นอนว่าจะต้อง
ิ
ถูกขังจนกว่าจะมีค าพพากษาของศาล ทั้งที่โดยแท้จริงแล้ว ถ้าศาลได้พจารณาพยานหลักฐานตามสมควรก่อน
ิ
ออกหมายขัง อาจไม่เป็นภาระแก่เขาที่ต้องหาหลักประกันเลยก็ได้ ดังนั้น จุดเริ่มต้นของปัญหาการคุ้มครอง
สิทธิและเสรีภาพของประชาชน จึงไม่ได้อยู่แค่เพยงศาลจะต้องใช้ดุลพนิจปล่อยชั่วคราวให้มากยิ่งขึ้นเท่านั้น
ี
ิ
หากแต่อยู่ที่ศาลควรต้องใช้ดุลพินิจอย่างละเอียดรอบคอบในการรับฟังพยานหลักฐานก่อนออกหมายขังทุกครั้ง
จุดเริ่มต้นของปัญหา
การด าเนินคดีอาญาก่อนขั้นตอนการพจารณาของศาล แม้กฎหมายจะให้อานาจพนักงานสอบสวน
ิ
ั
หรือพนักงานอยการยื่นค าร้องขอฝากขังหรือขอให้ศาลออกหมายขังผู้ต้องหา แต่กฎหมายก็ให้อานาจศาลเป็น
ื่
ิ
ผู้พจารณาค าร้องดังกล่าว เพอรักษาความสมดุลระหว่างการใช้อานาจของเจ้าพนักงานของรัฐกับการคุ้มครอง
สิทธิและเสรีภาพของประชาชน แต่ในทางปฏิบัติกลับพบว่า ศาลมักจะอนุญาตให้ฝากขังหรือออกหมายขังไป
โดยพจารณาเพยงความถูกต้องของค าร้องเท่านั้น ไม่ได้พจารณาว่ามีพยานหลักฐานตามสมควรว่าผู้ต้องหา
ิ
ี
ิ
น่าจะได้กระท าความผิดอาญาหรือไม่ เป็นเหตุให้บางคดี ผู้ต้องหาถูกขังนานถึง ๔๘ วัน หรือ ๘๔ วัน โดยมี
ี
เพยงบันทึกการจับกุมเท่านั้น ทั้งที่เป็นการจับกุมในความผิดซึ่งหน้า บางกรณีแม้เป็นการจับตามหมายจับ
แต่ผู้ร้องขอฝากขังในข้อหาที่หนักกว่าข้อหาตามหมายจับ ศาลก็อนุญาตให้ฝากขังไปโดยพจารณาจากส าเนา
ิ
หมายจับและบันทึกการจับกุมเท่านั้น ผลที่ตามมาท าให้ผู้ต้องหาส่วนหนึ่งถูกขังเกินกว่าสภาพการกระท าที่
๑ คดีมีอัตราโทษสูงในที่นหมายถึง คดีมีอัตราโทษจ าคุกอย่างสูงเกิน ๑๐ ปีขึ้นไป ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ี้
ความอาญา มาตรา ๑๑๐ วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “ในคดีมีอัตราโทษจ าคุกอย่างสูงเกินสิบปีขึ้นไป ผู้ที่ถูกปล่อยชวคราวต้องมี
ั่
ประกันและจะมีหลักประกันด้วยหรือไม่ก็ได้”