Page 120 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 120
๑๐๗
ี
ั
อยการยื่นค าร้องขอฝากขังต่ออก ๑๒ วัน ในข้อหาชิงทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๙ วรรค
แรก ศาลต้องพิจารณาว่ามีพยานหลักฐานตามสมควรน่าเชื่อว่าผู้ต้องหาได้กระท าผิดข้อหาชิงทรัพย์หรือไม่
ิ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพยานหลักฐานในการออกหมายขัง ยังมิใช่พยานหลักฐานที่ใช้ในการพสูจน์
ความผิด จึงไม่จ าต้องเป็นพยานหลักฐานที่ดีที่สุด (The Best Evidence Rule) ในคู่มือการออกค าสั่งหรือ
ิ
ื่
ั
หมายอาญา พ.ศ. ๒๕๔๙ ระบุน านองเดียวกันว่า ในการรับฟงพยานหลักฐานเพอพจารณาอนุญาตให้ออก
หมายจับ (รวมถึงหมายขัง) ผู้พพากษาไม่ต้องถือเคร่งครัดเช่นเดียวกับการรับฟงพยานหลักฐานที่ใช้พสูจน์
ิ
ั
ิ
ความผิดของจ าเลย ดังนั้น พยานหลักฐานที่พจารณาเพอออกหมายขัง อาจเป็นพยานหลักฐานที่โดยหลักแล้ว
๒
ิ
ื่
ั
ต้องห้ามมิให้รับฟงก็ได้ แต่ศาลใช้ดุลพนิจรับฟง เช่น พยานบอกเล่า ถ้ามีคุณค่าในเชิงพสูจน์ข้อเท็จจริง ศาลก็
ั
ิ
ิ
รับฟงได้ ไม่ว่าจะเป็นบันทึกค าให้การพยาน ภาพถ่าย หรือภาพและเสียงจากกล้องวงจรปิด ฯลฯ หรือเป็น
ั
พยานแวดล้อมกรณีก็ได้ แม้ไม่สามารถพสูจน์ข้อเท็จจริงได้โดยตรง แต่ถ้าสามารถแสดงข้อเท็จจริงบางอย่างที่
ิ
ั
้
๓
สามารถอนุมานต่อไปได้ว่ามีขอเท็จจริงอีกอันหนึ่งซึ่งน่าเชื่อว่าผู้ต้องหาน่าจะได้กระท าความผิด ศาลก็รับฟงได้
เช่น พยานไม่เห็นขณะผู้ต้องหายิงผู้ตาย แต่หลังจากมีเสียงปืนดังขึ้น พยานเห็นผู้ต้องหาวิ่งมาซ้อนท้าย
รถจักรยานยนต์หลบหนี หรือพยานไม่ทราบว่าข้างในกระเป๋าสะพายเป็นยาเสพติด แต่ยืนยันได้ว่าผู้ต้องหาเป็น
ผู้สะพายกระเป๋าดังกล่าวขึ้นรถไฟ ดังนี้เป็นต้น แม้กระทั่งพยานที่มีข้อบกพร่องประการอน เช่น ผู้ร่วมกระท า
ื่
ผิดที่ให้การซัดทอดผู้ต้องหา ศาลใช้ดุลพนิจรับฟังได้ แต่จะมีน้ าหนักน่าเชื่อถือจนถึงระดับที่สามารถออกหมาย
ิ
ขังได้ก็ต้องฟังประกอบกับพยานหลักฐานอื่น ๆ ต่อไป
ิ
แต่ข้อที่ต้องเน้นย าคือ ต้องเป็นพยานหลักฐานเท่านั นที่น ามาพิจารณาออกหมายขัง มใช่น า
ข้อเท็จจริงตามค าร้องมาเป็นพยานหลักฐาน เพราะตัวค าร้องขอฝากขังหรือขอให้ออกหมายขัง ไมถือเป็น
่
พยานหลักฐาน
ิ
ั
ั
ส่วนพยานหลักฐานที่ต้องห้ามมิให้รับฟงโดยเด็ดขาด ศาลจะใช้ดุลพนิจรับฟงไม่ได้ แม้จะอยู่ในชั้น
สอบสวนก็ตาม หากยอมให้รับฟงได้ เสรีภาพของประชาชนก็ต้องกระทบกระเทือนอย่างมาก เช่น ถ้อยค ารับ
ั
ิ
ั
สารภาพของผู้ถูกจับ ห้ามมิให้รับฟงโดยเด็ดขาดตามประมวลกฎหมายวิธิพจารณาความอาญา มาตรา ๘๔
วรรคท้าย ซึ่งบัญญัติว่า “ถ้อยค าใด ๆ ที่ผู้ถูกจับให้ไว้ต่อเจ้าพนักงานผู้จับ หรือพนักงานฝ่ายปกครองหรือ
ต ารวจในชั้นจับกุมหรือรับมอบตัวผู้ถูกจับ ถ้าถ้อยค านั้นเป็นค ารับสารภาพของผู้ถูกจับว่าตนได้กระท าความผิด
ห้ามมิให้รับฟงเป็นพยานหลักฐาน แต่ถ้าเป็นถ้อยค าอน จะรับฟงเป็นพยานหลักฐานในการพิสูจน์ความผิดของ
ั
ั
ื่
ผู้ถูกจับได้ต่อเมื่อได้มีการแจ้งสิทธิตามวรรคหนึ่ง หรือตามมาตรา ๘๓ วรรคสอง แก่ผู้ถูกจับแล้วแต่กรณี”
๔
บทบัญญัติมาตรานี้มุ่งประสงค์ที่จะปกป้องสิทธิของผู้ต้องหา เพราะผู้ต้องหามีสิทธิที่จะไม่ให้ถ้อยค าเป็น
๒ คู่มือการออกค าสั่งหรือหมายอาญา พ.ศ. ๒๕๔๙ น. ๒๑.
๓ โสภณ รัตนากร, ค าอธิบายกฎหมายลักษณะพยาน, พิมพ์ครั้งที่ ๑๑ (กรุงเทพฯ: นิติบรรณการ, ๒๕๕๗), น. ๒๔.
๔ สหรัฐ กิติ ศุภการ, หลักและค าพิพากษา กฎหมายลักษณะพยานหลักฐาน คดีแพ่ง/คดีอาญา, พิมพ์ครั้งที่ ๒
(กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง, ๒๕๖๓), น. ๔๔๖.