Page 125 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 125
๑๑๒
ี
คนหนึ่งได้และไม่มาท างานอกเลย พนักงานรักษาความปลอดภัยคนที่หายตัวไปอาจตกเป็นผู้ต้องสงสัย
ี
ื่
เพยงเท่านี้ยังไม่เพยงพอที่จะออกหมายจับ แม้พนักงานรักษาความปลอดภัยจะเข้ามอบตัวเพอแสดงความ
ี
ี
บริสุทธิ์ใจ พนักงานสอบสวนก็ไม่สามารถรับมอบตัวแล้วแจ้งข้อกล่าวหาได้เพราะพยานหลักฐานยังไม่เพยง
พอที่จะแจ้งข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๓๔ วรรคสอง เนื่องจากในการ
แจ้งข้อกล่าวหา พนักงานสอบสวนจะต้องมีหลักฐานตามสมควรว่าผู้นั้นน่าจะได้กระท าผิดตามข้อหานั้น” ซึ่งก็
เป็นระดับเดียวกันกับพยานหลักฐานในการออกหมายขังและหมายจับนั่นเอง ถ้าน าตัวมาขอให้ศาลออกหมาย
ขังโดยอาศัยอ านาจตามมาตรา ๑๓๔ วรรคท้าย ศาลก็ออกหมายขังไม่ได้ เพราะมีเพียงเหตุสงสัยเท่านั้น ยังไม่มี
พยานหลักฐานตามสมควร
แต่ถ้าเจ้าหน้าที่ต ารวจตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดแล้ว พบภาพพนักงานรักษาความปลอดภัยคน
ดังกล่าวเปิดประตูธนาคารเข้าไปแล้วถือวัตถุบางอย่างออกมาในเวลากลางคืน แม้ไม่เห็นชัดว่าเป็นวัตถุสิ่งใด
จากนั้นก็หนีไปซึ่งเป็นพรุธ ประกอบกับพยานแวดล้อมอน ๆ เช่น ไม่สามารถติดต่อได้ ดังนี้ ถือว่ามีพยาน
ื่
ิ
หลักฐานตามสมควรที่จะออกหมายขังได้ คืออย่างน้อยต้องมีหลักฐานในระดับนี้ซึ่งถือเป็นเกณฑ์มาตรฐานขั้นต่ า
ี
ส่วนพยานหลักฐานมากเพยงพอที่จะน าคดีเข้าสู่กระบวนการวินิจฉัยชี้ขาดว่าบุคคลนั้นได้กระท า
ิ
ั
ความผิด (ระดับ ๓) มาตรฐานนี้เป็นขั้นตอนการพจารณาสั่งคดีของพนักงานอยการ ดังตัวอย่างข้างต้น
พนักงานอัยการอาจสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติมรอยนิ้วมือในที่เกิดเหตุ เสื้อผ้าที่ผู้ต้องหาสวมใส่ในคืนเกิดเหตุ พยาน
บุคคลที่ยืนยันความถูกต้องของภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิด ประกอบค าให้การของผู้ต้องหา และระดับสุดท้าย
คือ ระดับ ๔ มีพยานหลักฐานมากเพยงพอที่ท าให้เชื่อโดยปราศจากความสงสัยตามสมควรว่าจ าเลยได้กระท า
ี
ความผิดอย่างแน่นอน มาตรฐานนี้เป็นขั้นตอนการวินิจฉัยคดีของศาลในคดีที่จ าเลยให้การปฏิเสธ
การออกหมายขังกรณีจับผู้กระท าความผิดซงหน้า
ึ่
ื่
เมื่อพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการมีเหตุจ าเป็นเพอท าการสอบสวนหรือการฟองคดี พนักงาน
้
สอบสวนหรือพนักงานอัยการแล้วแต่กรณีขึ้นอยู่กับว่าส านวนการสอบสวนอยู่ที่ใคร มีอานาจยื่นค าร้องต่อ
ศาลขอให้ออกหมายขังผู้ต้องหานั้นไว้ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความอาญา มาตรา ๘๗ วรรคสาม
ิ
ผู้ถูกจับในที่นี้อาจเป็นผู้ถูกจับตามหมายจับหรืออาจเป็นผู้ถูกจับในกรณีกระท าความผิดซึ่งหน้าก็ได้ หากเป็น
การจับตามหมายจับ ศาลก็สามารถออกหมายขังได้โดยไม่จ าต้องพจารณาว่ามีพยานหลักฐานตามสมควร
ิ
หรือไม่ เพราะศาลได้พิจารณาไปแล้วในชั้นออกหมายจับ แต่ถ้าเป็นกรณีจับผู้กระท าผิดซึ่งหน้า ในเบื้องต้นศาล
ต้องพจารณาก่อนว่ามีเหตุให้จับโดยไม่ต้องมีหมายจับหรือไม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความอาญา
ิ
ิ
มาตรา ๗๘ เพราะถ้าจับไม่ชอบด้วยกฎหมายเสียแล้ว พนักงานสอบสวนก็ไม่มีอานาจควบคุมผู้ต้องหามาขอให้
ศาลออกหมายขังได้ (เทียบค าพพากษาศาลฎีกาที่ ๔๖๖/๒๕๔๑) ต่อเมื่อเป็นการจับโดยชอบแล้ว จึงจะ
ิ
ิ
พจารณาต่อไปว่ามีพยานหลักฐานตามสมควรที่จะออกหมายขังได้หรือไม่ ดังนั้น การออกหมายขังในกรณี
กระท าความผิดซึ่งหน้า ศาลจึงต้องพจารณาเสมือนหนึ่งว่าเจ้าพนักงานมายื่นค าร้องเพอขอออกหมายจับ
ิ
ื่
เพราะพยานหลักฐานในการพิจารณาออกหมายขังอยู่ในระดับเดียวกับการออกหมายจับนั่นเอง ผู้พิพากษาอาจ
ตั้งข้อสมมุติฐานในใจว่า ถ้าออกหมายจับต้องใช้พยานหลักฐานในระดับใด การออกหมายขังก็ควรต้องใช้