Page 129 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 129
๑๑๖
ื่
แต่พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาว่าฆ่าผู้อนโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙ (๔)
ี
ศาลก็ต้องไต่สวนว่ามีพยานหลักฐานใดบ่งชี้ว่าเป็นการไตร่ตรองไว้ก่อน หากพยานหลักฐานไม่เพยงพอ ศาล
ื่
ก็ออกหมายขังได้เพยงข้อหาฆ่าผู้อนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ เท่านั้น แม้ความแตกต่าง
ี
ระหว่างทั้งสองข้อหาจะไม่มีผลในเรื่องของระยะเวลาในการขัง แต่ผลของค าสั่งอาจท าให้ผู้ต้องหาไม่ได้รับการ
ปล่อยชั่วคราวเลยก็ได้ เพราะความผิดที่มีโทษประหารชีวิตสถานเดียว นอกจากต้องใช้หลักประกันค่อนข้างสูง
ิ
ตามเกณฑ์มาตรฐานหลักประกันการปล่อยชั่วคราวแล้ว ยังขึ้นอยู่กับดุลพนิจของผู้พพากษาที่จะพจารณาว่า
ิ
ิ
หากปล่อยชั่วคราวไป ผู้ต้องหาจะหลบหนีหรือจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือไม่ ฯลฯ แม้ในปัจจุบัน
ผู้ร้องขอปล่อยชั่วคราวไม่จ าเป็นต้องเสนอหลักประกันมาพร้อมค าร้อง (ค าร้องใบเดียว) และเป็นหน้าที่ศาลที่
ั
ต้องพจารณาหามาตรการต่าง ๆ เพอป้องกันการหลบหนี หรือภัยอนตรายที่อาจเกิดจากการปล่อยชั่วคราว
ิ
ื่
หรือแม้แต่จะมีการประเมินความเสี่ยงในการหลบหนี การยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ฯลฯ ตามค าแนะน าของ
ประธานศาลฎีกาว่าด้วยการขยายโอกาสในการเข้าถึงสิทธิที่จะได้รับการปล่อยชั่วคราว พ.ศ. ๒๕๖๒ แต่ในการ
วินิจฉัยค าร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลยังต้องพจารณาถึงความหนักเบาแห่งข้อหากับพยานหลักฐานและ
ิ
พฤติการณ์ต่าง ๆ แห่งคดีประกอบด้วย และถ้ามีค าคัดค้านของพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอยการหรือ
ั
ิ
ผู้เสียหาย ศาลก็ต้องพงรับประกอบการวินิจฉัย ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความอาญา มาตรา
ึ
๑๐๘ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นความผิดที่มีอัตราโทษสูง ถ้ามีเหตุอันควรเชื่อแม้เพียงเหตุเดียวดังที่บัญญัติไว้ใน
ี
มาตรา ๑๐๘/๑ ศาลก็มีดุลพนิจที่จะไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวได้ อย่างไรก็ตาม ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพยง
ิ
ตัวอย่างหนี่งเท่านั้น วัตถุประสงค์เพยงแต่ชี้ให้เห็นว่าการออกหมายขังในข้อหาความผิดที่มีอตราโทษสูงโดยไม ่
ี
ั
พจารณาว่ามีพยานหลักฐานตามสมควรหรือไม่ นอกจากเป็นเหตุให้ผู้ต้องหาถูกขังเกินกว่าการกระท าที่แท้จริง
ิ
ยังเป็นเหตุให้ผู้ต้องหาบางส่วนไม่มีความสามารถพอที่จะขอปล่อยชั่วคราวได้ เท่ากับเสรีภาพของคนเหล่านี้
สูญสิ้นไปพร้อมกับโอกาสที่จะได้รับการปล่อยชั่วคราว
การปล่อยชั่วคราว
เมื่อมีพยานหลักฐานตามสมควร และมีเหตุจ าเป็นในการสอบสวนหรือการฟองคดี ศาลก็ออกหมายขัง
้
ได้ แต่เมื่อศาลออกหมายขังแล้ว ถ้ามีค าร้องขอปล่อยชั่วคราว โดยหลักแล้วศาลต้องปล่อย ถ้าศาลปล่อย
ศาลไม่จ าเป็นต้องให้เหตุผล แต่ถ้าไม่ปล่อย ศาลต้องให้เหตุผลว่าเพราะเหตุใดจึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว
และเหตุที่ไม่อนุญาต จะต้องเป็น “เหตุอนควรเชื่อ” เหตุใดเหตุหนึ่งดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๐๘/๑ วรรค
ั
ั
หนึ่ง ซึ่งบัญญัติว่า “การสั่งไม่ให้ปล่อยชั่วคราว จะกระท าได้ต่อเมื่อมีเหตุอนควรเชื่อเหตุใดเหตุหนึ่งดังต่อไปนี้
(๑) ผู้ต้องหาหรือจ าเลยจะหลบหนี (๒) ผู้ต้องหาหรือจ าเลยจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน (๓) ผู้ต้องหาหรือ
จ าเลยจะไปก่อเหตุอนตรายประการอน (๔) ผู้ร้องขอประกันหรือหลักประกันไม่น่าเชื่อถือ (๕) การปล่อยชั่วคราว
ื่
ั
จะเป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวนของเจ้าพนักงานหรือการด าเนินคดีในศาล”
ขอเน้นย้ าค าว่า “เหตุอันควรเชื่อ” หมายถึง มีข้อเท็จจริงสนับสนุนถึงเหตุอนควรเชื่อเหตุใดเหตุหนึ่งที่
ั
จะไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว เหตุอนควรเชื่อนี้ จะแตกต่างจาก “ความเชื่อ” ถ้าเป็นความเชื่อ ศาลสั่งได้โดย
ั
ั
ไม่จ าต้องมีข้อเท็จจริงใดมาสนับสนุน เช่น คดีมีอตราโทษสูง เกรงว่าจะหลบหนี อย่างนี้เป็นความเชื่อ ซึ่งความ