Page 130 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 130
๑๑๗
ั
เชื่อแบบนี้ อาจไม่จริงเสมอไปก็ได้ เพราะคดีมีอตราโทษสูงใช่ว่าทุกคนจะหลบหนีหรือจะไปยุ่งเหยิงกับ
พยานหลักฐาน ฯลฯ
ปัญหาว่า ศาลจะน าข้อเท็จจริงมาจากที่ใดมาสนับสนุน “เหตุอนควรเชื่อ” ที่ไม่อนุญาตให้ปล่อย
ั
ชั่วคราว ค าตอบของปัญหานี้ ทางหนึ่ง ก็ต้องมาจากพยานหลักฐานในส านวนฝากขังที่ศาลพิจารณาก่อน
ออกหมายขังนั่นเอง พยานหลักฐานดังกล่าวจะมีข้อเท็จจริงในส่วนของความหนักเบาแห่งข้อหา
ี
พยานหลักฐานที่ปรากฏแล้วมีเพยงใด พฤติการณ์ต่าง ๆ แห่งคดีเป็นอย่างไร ฯลฯ กับอกทางหนึ่งก็มาจากค า
ี
คัดค้านของพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอยการ ค าคัดค้านนี้อาจมีข้อเท็จจริงสนับสนุนให้เห็นว่าผู้ต้องหา
ั
จะหลบหนี หรือจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือก่อเหตุอันตรายประการอื่น ฯลฯ
้
ถ้าพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการคัดค้านมาพอเป็นพิธีโดยไม่มีขอเท็จจริงใดสนับสนุนหรืออาจ
ิ
ิ
ไม่มีการคัดค้าน ศาลก็ต้องน าพยานหลักฐานในส านวนฝากขังมาพจารณา เช่น “พเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดี
ั
จากพยานหลักฐานในชั้นฝากขังแล้วเห็นว่า คดีมีอตราโทษสูง และยาเสพติดของกลางมีจ านวนมาก ทั้งยังพบ
อุปกรณ์การเสพ ยาเสพติดบางส่วนถูกเตรียมรอจ าหน่าย หากปล่อยชั่วคราวไปเชื่อว่าจะหลบหนี จึงไม่อนุญาต
ื่
ยกค าร้อง” ถ้าเป็นคดีอาญาอน ๆ ก็อาจสั่งว่า “พเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีจากพยานหลักฐานในชั้นฝากขัง
ิ
แล้วเห็นว่า ผู้ต้องหาก่อเหตุใช้ปืนยิงผู้ตายต่อหน้าผู้เห็นเหตุการณ์จ านวนมากอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย
หากปล่อยชั่วคราวไปน่าเชื่อว่าจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือจะไปก่อเหตุอนตรายประการอื่น” ดังนี้เป็น
ั
ต้น ในทางกลับกัน ถ้าศาลออกหมายขังไปโดยไม่มีพยานหลักฐานตามสมควร ศาลก็จะไม่มีข้อเท็จจริงใดมา
สนับสนุนถึงเหตุอันควรเชื่อดังกล่าวเลย และถ้าศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวโดยอาศัยเพยงข้อกล่าวหาของ
ี
พนักงานสอบสวนเป็นหลักในการไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ก็เท่ากับเสรีภาพของผู้ต้องหาขึ้นอยู่กับ
ข้อกล่าวหาของพนักงานสอบสวน
ิ
สุดท้ายผู้เขียนใคร่ขอยกตัวอย่างค าพพากษาศาลฎีกาที่ ๘๔๘๔/๒๕๔๙ เป็นคดีที่ผู้พพากษาผู้ออก
ิ
ค าสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวถูกฟองเป็นจ าเลยในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตาม
้
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า
ฟองโจทก์มีมูลอนควรรับไว้พจารณาหรือไม่ ที่โจทก์ฎีกาว่า การที่จ าเลยมีค าสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยจ าเลย
ิ
ั
้
ชั่วคราวเป็นการกลั่นแกล้งโจทก์ให้ได้รับความเสียหาย จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบนั้น เห็นว่า...การที่
จ าเลยสั่งในค าร้องลงวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ ที่ ต. ซึ่งเป็นผู้ขอประกันยื่นค าร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวโจทก์
่
ในระหว่างสอบสวนว่า โจทก์มที่อยู่ไมเป็นหลักแหล่ง ผู้ขอประกันไมใช่ญาติของโจทก์ ประกอบกับพนักงาน
ี
่
สอบสวนก าลังขยายผลรวบรวมพยานหลักฐานด าเนินคดีในความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพและฉ้อโกง
ประชาชน และคัดค้านการประกัน จึงไม่อนุญาตให้ประกัน ยกค าร้อง จึงเป็นการ “น าข้อเท็จจริง” จาก
ค าคัดค้านของพนักงานสอบสวนมาพจารณาประกอบความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว
ิ
วินิจฉัยค าร้องขอปล่อยชั่วคราวตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความอาญา มาตรา ๑๐๘
ิ
อนเป็นการใช้ดุลพนิจสั่งค าร้องตาม “พยานหลักฐานที่ปรากฏในส านวน” หาใช่เป็นการกลั่นแกล้งโจทก์แต่
ั
ิ
อย่างใดไม่...”