Page 171 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 171

๑๕๘



                                ๔. กรณีที่ความปรากฏแก่ศาลในภายหลังว่า ผู้ถูกคุมความประพฤติไม่ได้จงใจไม่ปฏิบัติ

                                                      ิ
                 ตามเงื่อนไขที่ศาลก าหนด ศาลอาจมีค าสั่งเพกถอนค าสั่งแก้ไขเปลี่ยนแปลงนั้นได้ โดยถือว่าเป็นกรณีที่ศาล
                 มีค าสั่งไปโดยผิดหลง (ตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๒๗ ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา ๑๕)


                                ดังนี้ ไม่ว่าจะเป็นกรณีศาลออกหมายจับผู้ถูกคุมความประพฤติกรณีขัดขืนไม่มาศาลตาม

                 หมายเรียก หรือกรณีศาลออกหมายจับเนื่องจากศาลเพิกถอนเงื่อนไขการคุมความประพฤติและกาหนดการ
                 ลงโทษที่ยังไม่ได้ก าหนดหรือลงโทษซึ่งรอไว้ก็ตาม การออกหมายจับทั้งสองกรณีดังกล่าวก็มิใช่การออก

                 หมายจับกรณีที่จ าเลยที่ได้รับการปล่อยชั่วคราวโดยศาลซึ่งหลบหนี


                                                                              ุ
                             ๓. กรณีศาลออกหมายจับจ าเลยที่ไม่มาฟังค าพิพากษาศาลอทธรณ์
                                                               ้
                                                     ิ
                                                                                  ุ
                                ในคดีอาญาที่ศาลชั้นต้นพพากษายกฟองจ าเลย ต่อมาโจทก์อทธรณ์ขอให้ลงโทษจ าเลย
                             ั
                                              ุ
                                  ิ
                                                                                                  ุ
                                                                                       ิ
                                                                                  ั
                 เมื่อถึงวันนัดฟงค าพพากษาศาลอทธรณ์แล้วจ าเลยทราบนัดโดยชอบไม่มาฟงค าพพากษาศาลอทธรณ์
                                                                 ั
                                                                      ิ
                 ก็ต้องถือว่ามีเหตุสงสัยว่า จ าเลยหลบหนี หรือจงใจไม่มาฟงค าพพากษา ให้ศาลออกหมายจับจ าเลย และ
                                                                                           29
                         ั
                                         ุ
                              ิ
                 เลื่อนนัดฟงค าพพากษาศาลอทธรณ์ไปเกิน ๑ เดือน ทั้งนี้เป็นไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๑๘๒  ซึ่งในระหว่าง
                 ๑ เดือน การออกหมายจับจ าเลยตามกรณีนี้ก็มิใช่การออกหมายจับจ าเลยที่ได้รับการปล่อยชั่วคราวโดย
                 ศาลซึ่งหลบหนี
                                                  ิ
                                                              ุ
                                             ั
                                ต่อมาในวันนัดฟงค าพพากษาศาลอทธรณ์ที่เลื่อนมาเกิน ๑ เดือน หากจับจ าเลยตาม
                                                                                               ิ
                                                   ่
                 หมายจับไม่ได้ หากโจทก์มาศาล ศาลจะอานค าพิพากษาให้โจทก์ฟัง และถือว่าจ าเลยทราบค าพพากษาตาม
                                                            ิ
                                                     ่
                                                                                              ิ
                                                                                         ั
                 กฎหมายแล้ว หากโจทก์ไม่มาศาลก็จะงดอานค าพพากษาและถือว่าโจทก์ จ าเลยได้ฟงค าพพากษาตาม
                                                                                     ุ
                                                                                            ิ
                                                             ิ
                 กฎหมายแล้ว ซึ่งหากศาลอทธรณ์พพากษากลับค าพพากษาศาลชั้นต้น โดยศาลอทธรณ์พพากษาลงโทษ
                                        ุ
                                               ิ
                                                    ิ
                 จ าคุก หรือกักขัง หรือปรับ ศาลก็ต้องเพกถอนหมายจับเดิม และออกหมายจับจ าเลยมาปฏิบัติตาม

                    29
                         ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๘๒ บัญญัติว่า
                      “คดีที่อยู่ในระหว่างไต่สวนมูลฟ้องหรือพิจารณา ถามีค าร้องระหว่างพิจารณาขึ้นมา ให้ศาลสั่งตามที่เห็นควร เมื่อการ
                                                        ้
                 พิจารณาเสร็จแล้ว ให้พิพากษาหรือสั่งตามรูปความ
                       ให้อ่านค าพิพากษาหรือค าสั่งในศาลโดยเปิดเผยในวันเสร็จการพิจารณา หรือภายในเวลาสามวันนับแต่เสร็จคดี ถามี
                                                                                                      ้
                 เหตุอันสมควรจะเลื่อนไปอ่านวันอื่นก็ได้ แต่ต้องจดรายงานเหตุนั้นไว้
                       เมื่อศาลอ่านให้คู่ความฟังแล้ว ให้คู่ความลงลายมือชอไว้ ถ้าเป็นความผิดของโจทก์ทไม่มา จะอ่านโดยโจทกไม่อยู่ก็ได้
                                                                                                 ์
                                                          ื่
                                                                                 ี่
                 ในกรณีที่จ าเลยไม่อยู่ โดยไม่มีเหตุสงสัยว่าจ าเลยหลบหนีหรือจงใจไม่มาฟังก็ให้ศาลรอการอ่านไว้จนกวาจ าเลยจะมาศาล
                                                                                           ่
                 แต่ถ้ามีเหตุสงสัยว่าจ าเลยหลบหนีหรือจงใจไม่มาฟัง ให้ศาลออกหมายจับจ าเลย เมื่อได้ออกหมายจับแล้วไม่ได้ตัวจ าเลยมา
                 ภายในหนึ่งเดือน นับแต่วันออกหมายจับก็ให้ศาลอ่านค าพิพากษาหรือค าสั่งลับหลังจ าเลยได้ และให้ถือว่าโจทก์หรือจ าเลย
                 แล้วแต่กรณี ได้ฟังค าพิพากษาหรือค าสั่งนั้นแล้ว
                       ในกรณีที่ค าพิพากษาหรือค าสั่งต้องเลื่อนอ่านไปโดยขาดจ าเลยบางคน ถ้าจ าเลยที่อยู่จะถูกปล่อย ให้ศาลมีอ านาจ
                 ปล่อยชั่วคราวระหว่างรออ่านค าพิพากษาหรือค าสั่งนั้น”
   166   167   168   169   170   171   172   173   174   175   176