Page 376 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 376
363
๑) ปัญหาอานาจอธิปไตยของรัฐในการใช้อานาจทางศาลเกี่ยวกับการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน
กล่าวคือมักจะอางหลักเกณฑ์เรื่องเขตอานาจศาลเหนือดินแดนหรือบุคคลเพอขอให้ส่งตัวบุคคลเป็นผู้ร้ายข้าม
้
ื่
แดน โดยอาศัยหลักดินแดน (Territorial principle) หลักผลประโยชน์ที่รัฐถึงคุ้มครอง (protection
principle) และหลักความผิดสากล (Universality Principle) แต่ในทางปฏิบัติไม่มีรัฐใดอางหลักเกณฑ์
้
ดังกล่าวในการขอส่งตัวบุคคลเป็นผู้ร้ายข้ามแดนได้อย่างง่ายดาย เพราะรัฐทุกรัฐไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ก็ย่อมม ี
อ านาจอธิปไตยเท่าเทียมกัน
๒) ปัญหาในการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวกับการด าเนินการเสนอค าร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน
รวมทั้งการจับกลุ่มและคุมขังชั่วคราวนั้น เจ้าพนักงานต ารวจผู้ปฏิบัติยังไม่มีความรู้ความเข้าใจในขั้นตอนหรือ
แนวปฏิบัติเกี่ยวกับเรื่องนี้ดีพอ เช่นพนักงานสอบสวนยังไม่ค่อยทราบว่าจะต้องใช้เอกสารได้บ้างที่จ าเป็นใน
การประกอบค าร้องขอ หรือกรณีการขอให้มีการจับกุมเป็นกรณีเร่งด่วนนั้นในประเทศที่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้าย
ข้ามแดนกับประเทศไทย เช่น ประเทศกัมพชา เป็นต้น ส่วนใหญ่จะมีการระบุให้มีการร้องขอผ่านช่องทาง
ู
ต ารวจสากล (Interpol) อกทางหนึ่งด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติโดยเฉพาะเจ้าพนักงานต ารวจส่วนใหญ่ยังไม่
ี
ื่
ทราบเรื่องนี้ จึงท าให้ผู้กระท าผิดอาจหลบหนีเข้าไปในประเทศอนที่มีสนธิสัญญากับประเทศไทยได้ เนื่องจาก
เจ้าหน้าที่ผู้ติดตามจับกุมการสอบสวนไม่ทราบว่ามีช่องทางในการด าเนินการในกรณีเร่งด่วนได้
ี
๓) ปัญหาในทางปฏิบัติที่ส าคัญอกประการหนึ่งคือในการจัดท าค าร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนนั้น
จะต้องจัดท าค าร้องเป็นภาษาองกฤษรวมทั้งต้องแปลเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น รายงานการสอบสวนหรือ
ั
้
ั
ั
หนังสือค าสั่งฟองผู้ต้องหาของอยการหมายจับของศาล เป็นต้น เป็นภาษาองกฤษทั้งหมดและต้องมีการ
รับรองจากฝ่ายต ารวจอีกด้วย ซึ่งเรื่องนี้เป็นปัญหาของพนักงานสอบสวนเป็นอย่างมาก เนื่องจากการสอบสวน
ั
มีทักษะด้านการแปลภาษาองกฤษไม่เพยงพอ รวมทั้งหากมีการว่าจ้างแปลเอกสารจะต้องใช้งบประมาณ
ี
ค่อนข้างมาก จึงมีแนวโน้มที่พนักงานสอบสวนไม่อยากที่จะด าเนินการในเรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งเป็น
การเสียประโยชน์ในการอ านวยความยุติธรรมเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันยังไม่ปรากฏว่ามีการน ามาตรการทางกฎหมายและวิธีปฏิบัติต่าง ๆ ดังที่
ได้ศึกษาวิเคราะห์นี้มาใช้อย่างจริงจังกับคดีที่อยู่ในอ านาจของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ด ารงต าแหน่งทาง
การเมือง เป็นเหตุให้การติดตามจับกุมผู้ถูกกล่าวหาหรือจ าเลยที่ยังหลบหนีอยู่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ิ
เพอให้ได้ตัวมาด าเนินคดีและบังคับตามค าพพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ด ารงต าแหน่งทาง
ื่
การเมืองนั้นยังไม่สัมฤทธิ์ผล
๓. บทสรุปและข้อเสนอแนะ
การที่ผู้ถูกกล่าวหาหรือจ าเลยหลบหนีไปในระหว่างได้รับการปล่อยชั่วคราวของศาลฎีกาแผนก
คดีอาญาของผู้ด ารงต าแหน่งทางการเมือง นอกจากจะส่งผลให้การบังคับตามค าพพากษาของศาล
ิ