Page 495 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 495
๔๘๓
ความผิดอนสังคมมักมองว่าพฤติการณ์แห่งการกระท าความผิดเป็นเรื่องที่ร้ายแรง ซึ่งการกระท าความผิด
ื่
ฐานเป็นผู้ขับขี่เสพเมทแอมเฟตามีนก็เช่นกัน จะถูกสังคมมองว่าเป็นผู้หย่อนความสามารถในการบังคับ
้
ควบคุมตนเอง อนมีผลต่อการคิดตัดสินใจกระท าหรือละเว้นกระท าการให้พนภาวะคับขันที่จะเกิดขึ้น
ั
ฉับพลันอย่างปลอดภัย ย่อมท าให้ประสิทธิภาพในการขับขี่ควบคุมรถ และการตัดสินใจแก้ไขสถานการณ์
ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นหย่อนยานลงไปมาก อาจก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ชีวิต ร่างกาย และ
ทรัพย์สินของผู้อนที่ใช้เส้นทางเดินรถร่วมกับผู้เสพยาเสพติดได้ทุกขณะเพราะอาการมึนเมาเมทแอมเฟตามีน
ื่
ย่อมท าให้ขาดสติ ไม่สามารถใช้ความระมัดระวังในการขับรถได้อย่างเต็มที่ดังเช่นในภาวะที่มีสติสัมปชัญญะ
ุ
ื่
บริบูรณ์สุ่มเสี่ยงก่อให้เกิดอบัติเหตุ จึงมีแนวคิดในการลงโทษโดยใช้โทษจ าคุกเพอข่มขู่ผู้เสพยาเสพติดที่ไป
ขับขี่รถหรือผู้มีแนวโน้มที่จะกระท าความผิดในลักษณะเดียวกันให้เกรงกลัวการลงโทษ โดยมีวัตถุประสงค์
ป้องกันสังคมมิให้เกิดความเสียหายจากการกระท าของบุคคลดังกล่าว โดยมิได้มีการค านึงถึงการบ าบัดฟนฟ ู
ื้
ผู้กระท าความผิดเพอไม่ให้หวนกลับมากระท าความผิดซ้ าอก จึงเป็นเหตุให้ผู้เสพยาเสพติดต้องได้รับโทษ
ื่
ี
จ าคุกเป็นจ านวนมาก เมื่อออกจากเรือนจ า คนในสังคมส่วนหนึ่งมองว่ากลุ่มผู้ที่เคยได้รับโทษจ าคุกมาก่อน
เป็นอาชญากร จึงท าให้บุคคลเหล่านั้นใช้ชีวิตอยู่ในสังคมไม่เหมือนเดิม
หากพจารณาข้อมูลการเกิดอบัติเหตุทางจราจรแล้วพบว่า สาเหตุการเกิดอบัติเหตุจากการ
ุ
ุ
ิ
เสพยาเสพติดมีจ านวนน้อยกว่าการขับรถขณะเมาสุราหรือจากความประมาทของผู้ขับขี่เป็นจ านวนมาก
เมื่อเปรียบเทียบอัตราโทษที่ผู้เสพยาเสพติดที่กระท าความผิดฐานครอบครอง ครอบครองเพื่อจ าหน่าย และ
จ าหน่ายยาเสพติด ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๖๖ วรรคแรก “...ต้องระวาง
โทษจ าคุกตั้งแต่สี่ปีถึงสิบห้าปี...” และ มาตรา ๖๗ “...ต้องระวางโทษจ าคุกหนึ่งปีถึงสิบปี...” จะเห็นว่า
ั
อตราโทษดังกล่าวสูงกว่าอตราโทษส าหรับผู้กระท าความผิดฐานเป็นผู้ขับขี่เสพยาเสพติดตามพระราช
ั
บัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕๗/๑ วรรคสอง ประกอบพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ
พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๙๑ ที่มีระวางโทษจ าคุกแปดเดือนถึงสี่ปี แสดงให้เห็นว่ากฎหมายมองว่า ความผิด
ฐานครอบครอง ครอบครองเพอจ าหน่าย และจ าหน่ายยาเสตติดมีผลกระทบต่อสังคมมากกว่าการกระท า
ื่
่
ความผิดฐานเป็นผู้ขับขี่เสพยาเสพติดที่ยังไม่กอให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น แม้ปัจจุบันจะใช้โทษจ าคุก
เป็นเครื่องมือในการข่มขู่จะจ ากัดอสรภาพของผู้กระท าผิดของผู้เสพยาเสพติดที่ไปขับขี่รถหรือผู้มีแนวโน้ม
ิ
กระท าผิดในลักษณะเดียวกันก็ตาม แต่ก็ยังมีผู้กระท าความผิดฐานเป็นฐานเป็นผู้ขับขี่เสพยาเสพติดถูก
ี
ด าเนินคดีอกจ านวนมาก และบางส่วนเป็นผู้กระท าความผิดซ้ าทั้งที่บุคคลดังกล่าวเคยได้รับโทษจ าคุก
มาแล้ว ดังนั้น การใช้โทษจ าคุกระยะสั้นเพอข่มขู่อาจยังไม่เพยงพอต่อการป้องกันสังคมให้พนจากการ
ื่
ี
้
กระท าความผิดได้ การบ าบัดฟนฟสมรรถภาพผู้เสพยาเสพติดอย่างถูกต้องอาจเป็นมาตรการหนึ่งที่ช่วยให้
ื้
ู
ผู้เสพยาเสพติดไม่กลับมากระท าความผิดซ้ าอก ท าให้ผู้เสพยาเสพติดได้รับโอกาสแก้ไขความผิดของตน
ี
โดยไม่มีมลทินติดตัวไม่กอผลกระทบต่อการด ารงชีพของผู้เสพยาเสพติดและบุคคลในครอบครัวเกินสมควร
่
ท าให้ผู้เสพยาเสพติดรู้ส านึกจากการกระท าความผิดของตนเอง อกทั้งสังคมยังได้บุคคลที่มีคุณภาพกลับสู่
ี
สังคมเป็นการลดปัญหาสังคมที่จะติดตามมา แม้ข้อมูลของส านักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
ี
ระบุว่า ผู้ที่เข้าสู่ระบบการฟนฟสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดส่วนหนึ่งยังมีผู้กลับไปเสพยาเสพติดอกก็ตาม
ื้
ู