Page 528 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 528

๕๑๖





                 ผู้มีอานาจสืบสวนคดีอาญา ซึ่งผู้ที่หลบหนีมีโทษทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๙๐ ท าให้
                 ผู้ต้องหาหรือจ าเลยเกิดความเกรงกลัว

                 ๖. ข้อเสนอแนะ


                        ๑. ควรน าหลักการเรื่องการขยายโอกาสในการเข้าถึงสิทธิในการได้รับการปล่อยชั่วคราวโดยเฉพาะ

                                                                                                        ื่
                 อย่างยิ่งผู้ต้องหาหรือจ าเลยที่มีฐานะยากจนก าหนดไว้เป็นนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ศาลยุติธรรมเพอให้
                                                                     ี
                 หลักการดังกล่าวมีความต่อเนื่องและยั่งยืนในการปฏิบัติงาน อกทั้งก่อนตัดสินใจน ามาตรการ เทคโนโลยีหรือ
                                         ื่
                 กลไกทางกฎหมายใดมาใช้เพอเพมประสิทธิภาพในการปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจ าเลยควรมีการศึกษาวิจัย
                                            ิ่
                 ให้ถี่ถ้วนเสียก่อน และเมื่อน ามาใช้แล้วควรมีการพัฒนาต่อยอดวิธีการหรือมาตรการเหล่านั้นให้สามารถใช้ได้ใน
                 ระยะยาวและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

                                                           ิ
                        ๒. ควรแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความอาญา มาตรา ๑๐๘ วรรคหนึ่ง โดยบัญญัติให้
                                                                                                ิ
                                                                                     ิ่
                                      ั
                 มีการไต่สวนข้อเท็จจริงอนเป็นข้อมูลส่วนตัวของผู้ต้องหาหรือจ าเลยทุกคดี และเพมข้อที่ต้องพจารณาในการ
                                            ี
                 วินิจฉัยค าร้องขอปล่อยชั่วคราวอกข้อหนึ่งคือ "(๘) ข้อมูลส่วนตัวที่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาหรือจ าเลย" ซึ่งข้อมูล
                 ส่วนตัวเช่นว่านี้ครอบคลุมทั้งข้อมูลทั่วไปของผู้ต้องหาหรือจ าเลย ลักษณะความเป็นอยู่ การศึกษา การประกอบ
                 อาชีพ ฐานะ ชีวิตครอบครัว ตลอดจนข้อมูลเกี่ยวกับการกระท าความผิดทั้งอดีตและปัจจุบัน ซึ่งเป็นข้อมูลท านอง

                 เดียวกับที่มีการสอบถามในระบบประเมินความเสี่ยงและการก ากับดูแลในชั้นปล่อยชั่วคราว
                                          ้
                                              ิ่
                               นอกจากนี้ ควรแกไขเพมเติมระเบียบ ข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการใช้ดุลพนิจในการปล่อยชั่วคราวที่
                                                                                      ิ
                 เชื่อมโยงกับระบบประเมินความเสี่ยงและการก ากับดูแลในชั้นปล่อยชั่วคราวว่าผู้ต้องหาหรือจ าเลยที่มีความเสี่ยง
                 ในระดับต่างๆ ส าหรับความผิดแต่ละฐานควรได้รับการปล่อยชั่วคราวหรือไม่ หรือควรมีมาตรการก ากับดูแล
                 อย่างไร ให้สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่ประเมินได้ โดยน าผลการประเมินจากที่ผ่านมาเป็นแนวทางในการ

                 แก้ไขเพิ่มเติมระเบียบข้อบังคับ

                        ๓. ควรบัญญัติความรับผิดและก าหนดโทษทางอาญาส าหรับผู้ต้องหาหรือจ าเลยที่หลบหนีระหว่าง

                 ปล่อยชั่วคราว โดยเพมเติมบทบัญญัติในมาตรา ๑๐๘ วรรคสี่ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความอาญาว่า
                                                                                          ิ
                                   ิ่
                 “หากผู้ต้องหาหรือจ าเลยที่ได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวไม่ว่าด้วยวิธีใดมีพฤติการณ์น่าเชื่อว่าจะหลบหนี
                                                                  ิ่
                 ให้ถือว่ามีความผิดฐานหลบหนีตามค าสั่งศาล” และแก้ไขเพมเติมประมวลกฎหมายอาญา โดยก าหนดโทษทาง
                 อาญาส าหรับความผิดฐานหลบหนีการปล่อยชั่วคราวตามค าสั่งศาลท านองเดียวกับความผิดฐานหลบหนีไปใน

                 ระหว่างถูกคุมขัง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๙๐ โดยเพมข้อความในประมวลกฎหมายอาญา
                                                                           ิ่
                 มาตรา ๑๙๐ วรรคหนึ่ง ว่า “ผู้ใดหลบหนีการปล่อยชั่วคราวตามค าสั่งศาล หรือหลบหนีไปในระหว่างถูกคุมขัง

                 ตามอานาจของศาล ของพนักงานอัยการ ของพนักงานสอบสวน หรือของเจ้าพนักงานผู้มีอานาจสืบสวน


                 คดีอาญา ต้องระวางโทษจ าคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจ าทั้งปรับ”
   523   524   525   526   527   528   529   530   531   532   533