Page 526 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 526

๕๑๔





                 สอบสวน หรือของเจ้าพนักงานผู้มีอานาจสืบสวนคดีอาญา ซึ่งผู้ที่หลบหนีมีโทษทางอาญา ตามประมวล
                                          ๓๒
                 กฎหมายอาญา มาตรา ๑๙๐  ท าให้ผู้ต้องหาหรือจ าเลยเกิดความเกรงกลัว ขณะที่ผู้ต้องหาหรือจ าเลยที่
                 หลบหนีในระหว่างการปล่อยชั่วคราว บทบัญญัติในประมวลกฎหมายอาญามิได้ก าหนดให้เป็นความผิดและ
                                          ี
                 ก าหนดโทษไว้ ศาลจึงท าได้เพยงออกหมายจับผู้ต้องหาหรือจ าเลยที่หลบหนีมาด าเนินคดีภายในอายุความ ซึ่ง
                 หากเป็นการหลบหนีในระหว่างได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจากศาล ไม่ว่าในระหว่างสอบสวนหรือระหว่าง

                  ิ
                 พจารณา ศาลจ าต้องจ าหน่ายคดีชั่วคราวเนื่องจากไม่มีตัวผู้ต้องหาหรือจ าเลย และรอจนกว่าจะจับตัวผู้ต้องหา
                 หรือจ าเลยเหล่านั้นได้ ท าให้กระบวนพิจารณาต้องล่าช้าออกไป เป็นภาระของเจ้าพนักงานต ารวจในการติดตาม

                 จับกุม ทั้งศาลเองก็ต้องน าเงินงบประมาณซึ่งมีอยู่อย่างจ ากัดไปจ่ายเป็นค่าสินบนและเงินรางวัลให้แก่ผู้แจ้งความ

                 น าจับและเจ้าหน้าที่ผู้จับกุมเมื่อมีการจับกุมตัวผู้ต้องหาหรือจ าเลยที่หลบหนีมาส่งตัวต่อศาล

                 ๕. บทสรุป


                        จากการศึกษาวิเคราะห์ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๐๘ ตลอดจนข้อบังคับของ
                 ประธานศาลฎีกา ระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม และค าแนะน าของประธานศาลฎีกาเกี่ยวกับการ

                 ปล่อยชั่วคราวที่ผ่านมาพบว่า

                        ๑. การที่ผู้ต้องหาหรือจ าเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มีฐานะยากจนจะได้รับโอกาสในการเข้าถึงสิทธิใน

                 การปล่อยชั่วคราวระหว่างการพจารณาอย่างเป็นรูปธรรม มีแนวทาง วิธีปฏิบัติ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือ
                                             ิ
                 ค าแนะน าที่ชัดเจน เอ้อต่อการปฏิบัติงาน และเปิดช่องให้ผู้พิพากษากล้าที่จะใช้ดุลพินิจในการอนุญาตให้
                                    ื
                                      ี
                 ปล่อยชั่วคราวมากน้อยเพยงใดขึ้นอยู่กับทิศทางและนโยบายของผู้บริหารเป็นส าคัญ กล่าวคือ หากยุคสมัยใดที่
                 ผู้บริหารหรือศาลยุติธรรมให้ความส าคัญกับการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของผู้ต้องหาหรือจ าเลยให้มีโอกาสได้รับ
                 การปล่อยชั่วคราวอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าบุคคลนั้นจะมีฐานะทางเศรษฐกิจอย่างไรก็จะท าให้ผู้ต้องหาหรือ

                 จ าเลยที่มีฐานะยากจนสามารถเข้าถึงสิทธิในการได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวได้มากขึ้นดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
                 อันจะเห็นได้จากความพยายามในการน ามาตรการหรือเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้ในการปล่อยชั่วคราว ไม่ว่าจะเป็น

                 การสอบถามข้อมูลส่วนตัวของผู้ต้องหาหรือจ าเลยเพอใช้ในการประเมินความเสี่ยง การให้ผู้ต้องหาหรือจ าเลย
                                                            ื่
                     ุ
                           ิ
                 ติดอปกรณ์อเล็กทรอนิกส์ (Electronic Monitoring : EM) ระหว่างปล่อยชั่วคราวเพอตรวจสอบการเดินทาง
                                                                                       ื่
                 หรือตรวจสอบต าแหน่งที่อยู่จากระยะไกล หรือการแต่งตั้งผู้ก ากับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราว แต่ไม่ว่าจะเป็น
                                                                ั
                 มาตรการใดล้วนแล้วแต่ต้องการความต่อเนื่องและการพฒนาปรับปรุงให้เกิดประสิทธิภาพที่ดีขึ้น ดังนั้นความ



                        ๓๒   ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๙๐ วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “ผู้ใดหลบหนีไประหว่างที่ถูกคุมขังตามอ านาจของ
                                                                ั
                           ั
                                ั
                 ศาล ของ  พนกงานอยการ ของพนักงานสอบสวน หรือของเจ้าพนกงานผู้มีอ านาจสืบสวนคดีอาญา ต้องระวางโทษจ าคุกไม่เกิน
                 สามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจ าทั้งปรับ”
   521   522   523   524   525   526   527   528   529   530   531