Page 547 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 547
๕๓๕
(๒) การคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของผู้บริโภคตามข้อตกลงนอกสัญญา
เนื่องจากในทางปฏิบัติทางการค้าอาจมีผู้ประกอบธุรกิจบางรายที่ประกอบการโดยไม่
สุจริต เอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคด้วยการประกาศ โฆษณา ให้ค ารับรอง หรือกระท าการด้วยประการใดๆซึ่งท า
ให้ผู้บริโภคเข้าใจได้ในขณะท าสัญญาว่าผู้ประกอบธุรกิจตกลงจะมอบให้ หรือจัดหาให้ซึ่งสิ่งของบริการหรือ
ื่
สาธารณูปโภคอื่นใด หรือได้ท าความตกลงกับผู้บริโภคว่าจะให้สิทธิประโยชน์ใดๆแก่ผู้บริโภคเพิ่มเติม ทั้งนี้ เพอ
เป็นการล่อลวงหรือจูงใจให้ผู้บริโภคตกลงเข้าท าสัญญาซื้อขายหรือบริการกับตน แต่เมื่อผู้บริโภค ตกลงเข้าท า
สัญญากับผู้ประกอบกิจการเพราะหลงเชื่อโฆษณาจูงใจเช่นว่านั้น ผู้บริโภคกลับต้องลงนามในสัญญาส าเร็จรูปที่
ฝ่ายผู้ประกอบธุรกิจจัดเตรียมไว้แล้ว โดยในสัญญาส าเร็จรูปดังกล่าวไม่ปรากฏข้อความตามประกาศ โฆษณา
หรือค ารับรองดังที่ผู้ประกอบธุรกิจได้ประชาสัมพันธ์หรือจูงใจให้เข้าท าสัญญา ผู้บริโภคมารู้ตัวอีกทีต่อเมื่อได้รับ
มอบสินค้าหรือบริการนั้นแล้ว ปรากฏว่าสินค้าหรือบริการที่ผู้ประกอบธุรกิจส่งมอบให้แก่ผู้บริโภคนั้นไม่เป็นไป
ตามที่ประกาศหรือโฆษณาไว้ และเมื่อมีกรณีพิพาทขึ้นสู่ศาล ผู้ประกอบธุรกิจก็มักจะหยิบยกปัญหาข้อนี้ขึ้นเป็น
้
ิ่
ข้อต่อสู้โดยอางว่าไม่มีข้อตกลงเช่นว่านี้ในสัญญาบ้างผู้บริโภคไม่มีสิทธิที่จะน าสืบแก้ไขหรือเพมเติมข้อความใน
สัญญาบ้าง ซึ่งความข้อนี้ศาลฎีกาได้วนิจฉัยตีความในแนวทางปกป้องคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคตลอดมา
ิ
ว่าประกาศ โฆษณา หรือ ค ารับรองเช่นว่านี้เป็นส่วนหนึ่งของสัญญาที่ผูกพันผู้ประกอบธุรกิจให้ต้องปฏิบัติ
้
และผู้บริโภคมสิทธิที่จะน าสืบพยานหลักฐานนอกเหนือจากที่ได้ระบุไวในสัญญาได้ เช่น
ี
์
ิ
ค าพิพากษาฎีกาที่ ๒๗๒๙/๒๕๔๕ โจทก์เสนอขายที่ดินในโครงการโดยมีแผ่นพมพโฆษณาและผังประกอบ
การขาย จ าเลยเข้าท าสัญญาซื้อขายเพราะเชื่อว่าโจทก์จะสร้างสาธารณูปโภค อนได้แก่ สะพาน ตลาด ระบบ
ั
์
้
ิ
ประปา ไฟฟา และโรงเรียนอนุบาล ตามที่ระบุไว้ในแผ่นพมพโฆษณาและแผนผัง แต่ต่อมาโจทก์ไปยื่นค าขอ
ื่
อนุญาตท าการค้าที่ดินระบุว่าขายราคาตารางวาละ ๓๐๐ บาท ไม่มีการจัดท าสาธารณูปโภคอย่างอน เว้นแต่
ท าถนนลูกรังเท่านั้น การกระท าของโจทก์เป็นการปฏิเสธการช าระหนี้ตามสัญญาซื้อขาย ค าพิพากษาฎีกาที่
ั
๘๕๑/๒๕๔๔ แผ่นพบโฆษณาของจ าเลยระบุว่าเริ่มก่อสร้างบ้านเดือนกันยายน ๒๕๓๗ จะแล้วเสร็จปลายปี
ิ
ั
๒๕๓๙ โจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อพบแผ่นพบโฆษณาดังกล่าว ได้พจารณารูปแบบบ้าน ท าเลที่ดิน และเงื่อนไขต่างๆที่
ระบุไว้ และใช้เป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจที่จะซื้อ จ าเลยจึงมีหน้าที่ต้องก่อสร้างบ้านให้เสร็จภายใน
้
วันดังกล่าว การที่จ าเลยแจ้งให้โจทก์ทราบว่าได้ก่อสร้างบ้านเสร็จเมื่อปี ๒๕๔๐ ซึ่งพนก าหนดเวลาที่จ าเลยขอ
ขยายการก่อสร้างออกไป จ าเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญา
ิ
แม้จะมีแนวค าพพากษาศาลฎีกาเป็นบรรทัดฐานในท านองคุ้มครองสิทธิของ
ผู้บริโภคเช่นว่านี้ แต่ในทางปฏิบัติยังมผู้บริโภคส่วนใหญ่ที่ไมทราบเมอถูกผู้ประกอบธุรกิจปฏิเสธความรับ
ื่
่
ี
ั
ผิดก็จ าใจต้องยอมรับการชดใช้เยียวยาแต่เพียงบางส่วน อนเป็นสาเหตุอกประการหนึ่งที่ท าให้ผู้ประกอบ
ี
ิ
ธุรกิจใช้เป็นช่องทางเอาเปรียบผู้บริโภคมาตลอด ความในมาตรา ๑๑ พระราชบัญญัติวิธีพจารณาคดี