Page 846 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 846
๘๓๔
fair to the injured person, the accused, as well as society, is thus a matter for the authors
to study and compare.
Keywords : Exercise of Judicial Discretion , sexual offences, children and youth
บทน า
เนื่องจากปัจจุบันเด็กและเยาวชนได้กระท าความผิดมากขึ้นสร้างปัญหาให้สังคมส่วนรวม
โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนที่กระท าความผิดเกี่ยวกับเพศ เช่น ความผิดฐานข่มขืนกระท าช าเรา พรากเด็ก
ื่
หรือผู้เยาว์ไปเพอการอนาจารและโทรมเด็กหญิงเป็นข่าวอยู่เป็นประจ า สร้างความเดือดร้อน หวาดวิตก
ให้กับสังคมโดยรวม และยังเป็นที่สนใจของประชาชนโดยทั่วไป มีการติดตามข่าวสารจากสื่อมวลชน
ถึงความคืบหน้าในการด าเนินคดีตลอดจนผลของค าพากษาของศาล ท าให้ไม่อาจหลีกเลี่ยงการ
วิพากษ์วิจารณ์ผลของคดีในสังคม โดยเฉพาะสื่อสังคมออนไลน์ได้ แต่ดุลยพนิจของการก าหนดโทษหรือ
ิ
ก าหนดมาตรการและการลงโทษส าหรับเด็กและเยาวชน ของศาลอาจจะไม่เหมาะสมหรือไม่ทันยุคสมัย
เนื่องจากสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป เหตุปัจจัยเพราะโลกของสังคมออนไลน์หรือสังคมสมัยใหม่ รวมทั้งสภาพ
สังคมไทยมีความเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมจากสังคมเกษตรกรรม เป็นสังคมเกษตรกรรมและอตสาหกรรม
ุ
ความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย ท าให้เด็กและเยาวชนที่กระทาความผิดได้รับ
ี
ข้อมูลจากสื่อต่างๆ ส่งผลให้วิถีชีวิตและค่านิยมเปลี่ยนไปจากเดิม อกทั้งสภาพแวดล้อมและสิ่งเร้าต่างๆ
ที่อยู่รอบตัวเด็กและเยาวชนก็เป็นปัจจัยท าให้เด็กและเยาวชนขาดการยับยั้งชั่งใจ ขาดการเรียนรู้ได้ทันใน
ั
เวลาอนควร ส่งผลให้มีการแสดงออกซงพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสมอนน าไปสู่การกระท าความผิดทาง
ึ่
ั
อาญา รวมทั้งเหตุปัจจัยจากผู้เสียหาย เมื่อคดีเข้าสู่กระบวนพจารณาของศาลจนศาลมีค าสั่งหรือ
ิ
ิ
ค าพพากษา ผู้กระท าผิด ผู้เสียหายและประชาชนโดยทั่วไปเกิดคิดระแวงและอคติได้ว่าดุลยพนิจของศาล
ิ
ในการก าหนดโทษหรือมาตรการเกี่ยวกับความผิดของเด็กหรือเยาวชนที่กระท าความผิดเบาเกินไปไม่
เหมาะสมหรือไม่เป็นธรรม ฝ่ายผู้เสียหายได้รับความเสียหายและได้รับการชดเชยเป็นธรรมหรือไม่ ศาลใช้
หลักเกณฑ์และหลักการใดมาเป็นบรรทัดฐานในการก าหนดโทษหรือคาสั่งที่ใช้มาตรการเกี่ยวกับการกระทา
ความผิดของเด็กและเยาวชนที่กระท าความผิด น ามาสู่ผลกระทบต่อความเลื่อมใสในกระบวนการยุติธรรม
ทางอาญาของประเทศ
ส าหรับการพิจารณาพพากษาคดีของศาลไทย จากการศึกษาวิจัยการตัดสินคดีจาก คดีสถานการณ์
ิ
จ าลองโดยใช้ Logistic Regression Analysis พบว่า ความแตกต่างระหว่างปัจเจกบุคคลบางอย่างที่มี
อิทธิพลต่อจุดประสงค์การลงโทษ อาจมีอิทธิพลในการตัดสินคดีได้ในทิศทางที่เหมือนหรือต่างกัน ในขณะที่
บางอย่างไม่มอิทธิพลในการตัดสิน เช่นเดียวกันกับความแตกต่างระหว่างปัจเจกบุคคลบางอย่างที่มีอทธิพล
ิ
ี
ต่อการตัดสินคดีจะไม่มีอทธิพลตต่อจุดประสงค์การลงโทษ ดังนั้น ความเหมือนและต่างกันของความ
ิ
ิ
แตกต่างระหว่างปัจเจกบุคคลบางอย่างที่มีอทธิพลต่อจุดประสงค์การลงโทษและการตัดสินดังกล่าว
ิ
สามารถอธิบายได้ทางทฤษฎีว่าจะศึกษาเฉพาะความเชื่อหรือทัศนคติของผู้พพากษาอย่างเดียว เพื่ออธิบาย