Page 67 - บทคัดย่อเล่ม 1
P. 67

๖๓


               ในโครงกำรได้มีกำรทยอยเข้ำพักอำศัยและโอนกรรมสิทธิ์ในอำคำรชุดตั้งแต่วันที่ 1 เมษำยน 2556 (01 April
               2013) เรื่อยมำจนถึงสิ้นเดือนกรกฎำคม 2556 จ ำนวน 92 รำย จึงมีน้ ำหนักน่ำเชื่อว่ำผู้คัดค้ำนได้ก่อสร้ำงอำคำร
               คอนโดมีเนียมที่พิพำทแล้วเสร็จตำมสัญญำ ส่วนที่ผู้เรียกร้องน ำสืบว่ำผู้คัดค้ำนได้จดทะเบียนนิติบุคคลอำคำรชุดใน
               วันที่ 5 สิงหำคม 2556 อันเป็นกำรจดทะเบียนหลังเดือนกรกฎำคม 2556 นั้น เห็นว่ำ ผู้คัดค้ำนจะต้องด ำเนินกำร

               ก่อสร้ำงอำคำรชุดแล้วเสร็จก่อน จึงจะสำมำรถจดทะเบียนนิติบุคคลอำคำรชุดได้ กำรจดทะเบียนนิติบุคคลอำคำรชุด
               ในวันที่ 5 สิงหำคม 2556 มิได้หมำยถึงว่ำผู้คัดค้ำนด ำเนินกำรก่อสร้ำงล่ำช้ำกว่ำเดือนกรกฎำคม 2556 ตำมสัญญำ
               จะซื้อจะขำยห้องชุดข้อ 4 เป็นกำรก ำหนดเรื่องของกำรด ำเนินกำรก่อสร้ำงซึ่งต้องใช้เวลำก่อสร้ำงประมำณ 30 เดือน
               ถึง 36 เดือน มิได้ก ำหนดเรื่องกำรจดทะเบียนนิติบุคคลอำคำรชุด ส่วนกำรจะด ำเนินกำรจดทะเบียนสิทธินิติกรรมโอน
               กรรมสิทธิ์อำคำรชุดให้แก่ผู้จะซื้อจะขำยนั้น ก็จะทยอยด ำเนินกำรเมื่อได้รับเงินค่ำอำคำรชุดงวดสุดท้ำยจำกผู้จะซื้อจะ
               ขำยแล้ว อันเป็นงำนทำงธุรกำรที่ผู้จะซื้อและผู้จะขำยต้องติดต่อประสำนงำนกันต่อไป ข้อเท็จจริงและพยำนหลักฐำนจำก
               ทำงน ำสืบของทั้งสองฝ่ำยจึงรับฟังได้ว่ำผู้คัดค้ำนมิได้เป็นฝ่ำยปฏิบัติผิดสัญญำ และเมื่อผู้เรียกร้องได้รับหนังสือแจ้งให้มำ
               ด ำเนินกำรช ำระเงินส่วนที่เหลือและโอนกรรมสิทธิ์ในอำคำรชุดพิพำทตำมเอกสำรหมำย ค.12 รวม 3 ฉบับ
               แต่ผู้เรียกร้องเพิกเฉย ผู้เรียกร้องจึงตกเป็นฝ่ำยผิดสัญญำ

                              ประเด็นข้อพิพำทที่ 2 ผู้คัดค้ำนจะต้องช ำระเงินมัดจ ำตำมสัญญำจะซื้อจะขำยห้องชุดพิพำทพร้อม
               ดอกเบี้ยและค่ำขำดประโยชน์ และค่ำเสียหำยพร้อมดอกเบี้ย ให้แก่ผู้เรียกร้องหรือไม่ เพียงใด เมื่อได้วินิจฉัยใน
               ประเด็นที่ 1 แล้วว่ำ ผู้คัดค้ำนมิได้เป็นฝ่ำยผิดสัญญำและได้บอกเลิกสัญญำตำมเอกสำรหมำย ค.12 ตำมหนังสือลง
               วันที่ 2 พฤศจิกำยน 2557 กำรบอกเลิกสัญญำนั้นจึงชอบด้วยกฎหมำย ผู้คัดค้ำนจะต้องรับผิดต่อผู้เรียกร้องหรือไม่
               อย่ำงไรนั้น เห็นควรแยกพิจำรณำ ดังนี้
                              (1) เงินมัดจ ำตำมสัญญำจะซื้อจะขำยห้องชุดพิพำทพร้อมดอกเบี้ย ผู้คัดค้ำนน ำสืบโดยอ้ำงเอกสำร
               หมำย ร.12 ฉบับลงวันที่ 31 ตุลำคม 2557 ว่ำ ผู้คัดค้ำนขอบอกเลิกสัญญำจะซื้อจะขำยและริบเงินมัดจ ำสัญญำ
               จ ำนวน 2,056,320 บำท เนื่องจำกผู้เรียกร้องผิดสัญญำจะซื้อจะขำยนั้น อนุญำโตตุลำกำรได้พิจำรณำสัญญำจะซื้อ

               จะขำยข้อ 2 ซึ่งก ำหนดในข้อ 2.1 ว่ำ ในวันท ำสัญญำ ผู้จะซื้อจะวำงเงินมัดจ ำตำมสัญญำเรียกว่ำ “เงินมัดจ ำสัญญำ”
               เป็นจ ำนวนเงิน 685,440 บำท (ร้อยละ 10 ของรำคำขำย) ส่วนเงินที่เหลืออีกร้อยละ 90 ของรำคำขำยแบ่งช ำระเป็น
               สองส่วน ส่วนแรกร้อยละ 20 ยอดเงิน 1,369,080 บำท ผ่อนช ำระเป็นรำยเดือน ส่วนที่สองร้อยละ 70 ของรำคำ
               ขำยจ ำนวน 4,790,920 บำท ช ำระเป็นงวดสุดท้ำยนั้น เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังในประเด็นวินิจฉัยที่ 1 ว่ำผู้เรียกร้องเป็น
               ฝ่ำยผิดสัญญำ ผู้คัดค้ำนจึงชอบที่จะริบเงินมัดจ ำสัญญำจ ำนวน 685,440 บำท ได้ตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและ
               พำณิชย์ มำตรำ 378 (2) เนื่องจำกกำรเลิกสัญญำดังกล่ำวเกิดขึ้นเพรำะผู้เรียกร้องเป็นฝ่ำยผิดสัญญำ ส่วนยอดเงินที่
               นำงสำว ก ได้ผ่อนช ำระให้แก่ผู้คัดค้ำนโดยผู้เรียกร้องเข้ำสวมสิทธิรวมจ ำนวน 1,370,880 บำท ไม่ใช่เงินมัดจ ำ แต่เป็น
               กำรช ำระหนี้บำงส่วน เมื่อผู้คัดค้ำนได้บอกเลิกสัญญำแล้ว คู่สัญญำแต่ละฝ่ำยย่อมกลับคืนสู่ฐำนะเดิม ผู้คัดค้ำนจึงต้องคืน
               เงินจ ำนวน 1,370,880 บำท ให้แก่ผู้เรียกร้องโดยไม่อำจริบเงินจ ำนวนดังกล่ำวได้ ทั้งนี้นับแต่วันที่หนังสือบอกเลิก

               สัญญำมีผล กล่ำวคือวันที่ 3 พฤศจิกำยน 2557 ซึ่งเป็นวันที่หนังสือบอกเลิกสัญญำนั้นไปถึงผู้เรียกร้อง เมื่อผู้คัดค้ำน
               ยังมิได้คืนเงินจ ำนวนดังกล่ำวให้แก่ผู้เรียกร้อง ผู้คัดค้ำนจึงต้องช ำระดอกเบี้ยในอัตรำร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงิน
               1,370,880 บำท นับแต่วันที่ 3 พฤศจิกำยน 2557 เป็นต้นไปจนกว่ำจะช ำระแล้วเสร็จให้แก่ผู้เรียกร้อง
                              (2) เงินค่ำเสียหำยและค่ำขำดประโยชน์พร้อมดอกเบี้ย เมื่ออนุญำโตตุลำกำรได้วินิจฉัยในประเด็น
               แรกว่ำ ผู้เรียกร้องเป็นฝ่ำยผิดสัญญำ ผู้เรียกร้องจึงไม่อำจเรียกค่ำเสียหำยหรือค่ำขำดประโยชน์จำกผู้คัดค้ำนแต่อย่ำงใด

                              อนุญำโตตุลำกำรจึงวินิจฉัยชี้ขำดให้ผู้คัดค้ำนช ำระเงินจ ำนวน 1,370,880 บำท ให้แก่ผู้เรียกร้อง
               พร้อมดอกเบี้ยในอัตรำร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงินดังกล่ำวนับแต่วันที่ 3 พฤศจิกำยน 2557 เป็นต้นไปจนกว่ำจะ
               ช ำระเสร็จ

                              ค ำขออื่นตำมค ำเสนอข้อพิพำทให้ยกเสียทั้งสิ้น
   62   63   64   65   66   67   68   69   70   71   72