Page 188 - สรุปแนวคำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลในคดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาฯ
P. 188
ี
ั
เป็นธรรม ข้อพิจารณาตามคาร้องน้จึงมีว่า สัญญาจ้างสร้างและติดต้ง
�
�
ซุ้มเฉลิมพระเกียรติ เป็นสัญญาท่อยู่ในอานาจพิจารณาพิพากษาของ
ี
ื
ี
ศาลยุติธรรมหรือศาลปกครอง เม่อพิจารณาเน้อหาของสัญญาท่พิพาท
ื
ั
แล้วเป็นเพียงการว่าจ้างให้เอกชนสร้างและติดต้งซุ้มเฉลิมพระเกียรต ิ
โดยผู้ว่าจ้างประสงค์เพียงผลส�าเร็จแห่งการที่ท�าอันอยู่ในความรับผิดชอบ
ของหน่วยงานเท่าน้น และผู้รับจ้างก็ประสงค์เพียงค่าจ้างจากการ
ั
ุ
ิ
ั
ั
้
ี
ั
ิ
ั
ิ
ั
สร้างและตดตงซ้มเฉลมพระเกยรตดงกล่าว อนมลกษณะเป็นสญญาจ้าง
ี
�
ทาของ ตามมาตรา 587 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ั
ี
จึงเป็นสัญญาทางแพ่งท่มีหน่วยงานทางปกครองเป็นคู่สัญญาเท่าน้น
ี
�
มิได้มีลักษณะเป็นสัญญาสัมปทาน สัญญาท่ให้เอกชนจัดทาบริการ
�
สาธารณะหรือเข้าร่วมดาเนินจัดทาบริการสาธารณะ และมิใช่สัญญาท ี ่
�
จัดให้มีส่งสาธารณูปโภคหรือแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติท ่ ี
ิ
�
จะถือว่าเป็นสัญญาทางปกครอง อันจะอยู่ในอานาจพิจารณาพิพากษา
ของศาลปกครอง แต่เป็นคดีพิพาทเก่ยวกับสัญญาทางแพ่งท่อยู่ในอานาจ
ี
ี
�
พิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม ฉะน้น กรณีน้จึงสมควรให้บังคับตาม
ี
ั
ึ
�
คาพิพากษาศาลฎีกาซ่งเป็นศาลยุติธรรมท่มีเขตอานาจเหนือคดีน ้ ี
ี
�
ี
ี
�
ี
คาวินิจฉัยช้ขาดอานาจหน้าท่ระหว่างศาลท่ ๖๕/๒๕๕๙
�
ึ
ื
ี
กรมบัญชีกลางย่นฟ้องจาเลยท้งสองซ่งเป็นเจ้าหน้าท่ของรัฐว่า ทา
�
�
ั
ั
ละเมิดหน่วยงานของรัฐต่อศาลยุติธรรม ในขณะเดียวกันก็แต่งต้งคณะ
ั
�
กรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงและมีคาส่งให้จาเลยท้งสองร่วมกันรับผิด
�
ั
ั
�
ชดใช้ค่าเสียหาย จาเลยท้งสองจึงย่นฟ้องโจทก์กับพวกขอให้เพิกถอน
ื
ั
�
�
คาส่งดังกล่าวต่อศาลปกครองกลาง ต่อมาศาลฎีกามีคาพิพากษาให้
ี
�
ี
�
จาเลยท่ 1 รับผิดในผลละเมิด แต่ให้ยกฟ้องจาเลยท่ 2 ส่วนศาลปกครอง
สูงสุดมีคาพิพากษาให้จาเลยท้งสองร่วมกันรับผิด โดยคาพิพากษาของ
�
ั
�
�
177