Page 184 - สรุปแนวคำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลในคดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาฯ
P. 184
คดีหลังสุด อันเป็นการล่วงเลยระยะเวลาตาม มาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัต ิ
ี
�
ี
ว่าด้วยการวินิจฉัยช้ขาดอานาจหน้าท่ระหว่างศาล พ.ศ. 2542 ก็ตาม แต่
กาหนดเวลาดังกล่าวหาใช่อายุความไม่ เม่อคู่ความยังมิได้รับการเยียวยา
ื
�
ความเสียหาย เพ่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม คณะกรรมการจึงรับ
ื
คาร้องไว้พิจารณา ตามข้อบังคับคณะกรรมการวินิจฉัยช้ขาดอานาจหน้าท ี ่
�
ี
�
ระหว่างศาล ว่าด้วยวิธีการเสนอเร่อง การพิจารณาและการวินิจฉัย พ.ศ.
ื
ี
�
ึ
ี
2544 ข้อ 4 เมื่อปรากฏว่า คดีน้จาเลยซ่งเป็นเจ้าหน้าท่ปฏิบัติหน้าท ่ ี
โดยจงใจหรอประมาทเลินเล่อ อันเป็นการทาละเมิดต่อหน่วยงานของรัฐ
�
ื
ิ
ั
ั
จงต้องอย่ภายใต้บงคบแห่งพระราชบญญตความรบผดทางละเมดของ
ู
ิ
ึ
ั
ั
ั
ิ
�
ึ
ั
ี
เจ้าหน้าท่ พ.ศ. 2539 ท้งโจทก์ซ่งเป็นหน่วยงานของรัฐได้ดาเนินการ
ไปตามพระราชบัญญัติน้จนถึงข้นออกคาส่งทางปกครองให้จาเลยชาระ
�
�
ั
ี
ั
�
เงินค่าเสียหาย และมีการตรวจสอบความชอบของการดาเนินการโดย
�
ศาลปกครองกลางซึ่งเป็นฝ่ายตุลาการแล้วด้วย จึงควรให้มีการด�าเนินการ
ั
ื
ไปจนจบข้นตอน เพ่อให้การเป็นไปตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัต ิ
�
ฉบับน้ จึงให้คู่ความปฏิบัติตามคาพิพากษาศาลปกครองสูงสุด
ี
ี
�
ี
ี
คาวินิจฉัยช้ขาดอานาจหน้าท่ระหว่างศาลท่ ๖๕/๒๕๕๙
�
�
�
ั
ื
กรมบัญชีกลางย่นฟ้องจาเลยท้งสองซ่งเป็นเจ้าหน้าท่ของรัฐว่า ทาละเมิด
ี
ึ
หน่วยงานของรัฐต่อศาลยุติธรรม ในขณะเดียวกันก็แต่งต้งคณะกรรมการ
ั
�
สอบสวนข้อเท็จจริงและมีคาส่งให้จาเลยท้งสองร่วมกันรับผิดชดใช้
�
ั
ั
ั
�
ื
�
ค่าเสียหาย จาเลยท้งสองจึงย่นฟ้องโจทก์กับพวกขอให้เพิกถอนคาส่ง
ั
ี
ี
�
ดังกล่าวต่อศาลปกครองกลาง ต่อมาศาลฎีกามค�าพิพากษาให้จาเลยท่ 1
ี
�
รับผิดในผลละเมิด แต่ให้ยกฟ้องจาเลยท่ 2 ส่วนศาลปกครองสูงสุดม ี
�
ั
�
�
ั
คาพิพากษาให้จาเลยท้งสองร่วมกันรับผิด โดยคาพิพากษาของท้งสอง
ี
ี
ศาลต่างถึงท่สุด ดังน้แม้ว่าโจทก์จะย่นคาร้องให้คณะกรรมการวินิจฉัย
�
ื
173