Page 180 - สรุปแนวคำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลในคดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาฯ
P. 180
ี
�
ื
ึ
ี
ระหว่างศาลขัดแย้งกัน ซ่งมูลความแห่งคดีน้ สืบเน่องมาจากการท่จาเลย
�
ซ่งเป็นเจ้าหน้าท่กระทาละเมิดต่อหน่วยงานของรัฐ และหน่วยงานของ
ึ
ี
รัฐมีคาส่งให้จาเลยชดใช้เงินตาม พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดฯ ต่อมา
�
�
ั
�
ศาลปกครองกลางมีคาพิพากษาให้จาเลยชดใช้เงินแก่หน่วยงานทาง
�
�
ปกครอง จานวน 79,889 บาท และศาลอุทธรณ์ภาค 9 มีคาพิพากษา
�
�
ให้จาเลยชดใช้เงินแก่โจทก์จานวน 50,000 บาท โดยคาพิพากษาของ
�
�
ี
ท้งสองศาลต่างถึงท่สุด ดังน้แม้ว่าโจทก์จะยื่นคาร้องให้คณะกรรมการ
�
ั
ี
�
�
วินิจฉัยเม่อพ้นกาหนด 60 วัน นับแต่วันท่มีคาพิพากษาของศาลคด ี
ี
ื
หลังสุด อันเป็นการล่วงเลยระยะเวลาตามมาตรา 14 แห่ง พ.ร.บ.
�
ั
ี
ว่าด้วยการวินิจฉัยช้ขาดฯ ก็ตาม แต่กาหนดเวลาดงกล่าวหาใช่อายุความไม ่
เม่อคู่ความยังมิได้รับการเยียวยาความเสียหาย เพ่อประโยชน์แห่ง
ื
ื
�
ความยุติธรรม คณะกรรมการฯ สมควรรับคาร้องไว้พิจารณาตาม
ข้อบังคับคณะกรรมการวินิจฉัยช้ขาดอานาจหน้าท่ระหว่างศาล ว่าด้วย
ี
ี
�
ื
วิธีการเสนอเร่อง การพิจารณาและวินิจฉัย พ.ศ. 2544 ข้อ 4 เม่อ
ื
ึ
ี
�
ี
ปรากฏว่าคดีน้จาเลยซ่งเป็นเจ้าหน้าท่ปฏิบัติหน้าท่โดยประมาทเลินเล่อ
ี
�
อันเป็นการทาละเมิดต่อหน่วยงานของรัฐ จึงต้องอยู่ภายใต้บังคับแห่ง
พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดฯ ท้งโจทก์ได้ดาเนินการไปตามพระราช
�
ั
�
ี
ั
ั
�
�
บัญญัติน้จนถึงข้นออกคาส่งทางปกครองให้จาเลยชาระเงินค่าเสียหาย
และมีการตรวจสอบความชอบของการดาเนินการโดยศาลปกครองกลาง
�
ซ่งเป็นฝ่ายตุลาการแล้วด้วย จึงควรให้มีการดาเนินการไปจนจบข้นตอน
ึ
ั
�
�
โดยพิจารณาใช้มาตรการบังคับทางปกครองให้คาส่งทางปกครองได้ม ี
ั
ื
การบังคับการให้เกิดผล เพ่อให้การเป็นไปตามเจตนารมณ์ของพระราช
�
บัญญัติฉบับนี้ จึงให้คู่ความปฏิบัติตามคาพิพากษาของศาลปกครองกลาง
169