Page 170 - นิตยสารดุลพาห เล่มที่ ๑-๒๕๖๑-กฎหมายฯ
P. 170

´ØÅ¾ÒË





                 คนละ ๒ ป และคุมความประพฤติจําเลยทั้งสองไวคนละ ๑ ป โดยวางเงื่อนไขคุมความประพฤติ
                 ดังนี้ ใหจําเลยทั้งสองมารายงานตัวตอผูพิพากษาสมทบ ๓ เดือนตอครั้ง หามจําเลยทั้งสอง

                 ยุงเกี่ยวกับยาเสพติดและสิ่งมึนเมาทุกชนิด หามจําเลยทั้งสองคบหาสมาคบกับบุคคลที่มี
                 ความประพฤติไมดี หามจําเลยทั้งสองเที่ยวเตรยามวิกาลและเลนการพนัน กับใหจําเลยทั้งสอง

                 เขาศึกษาตอหรือทํางานอาชีพเปนกิจจะลักษณะหากจําเลยทั้งสองไมชําระคาปรับใหสงตัวไป
                 ควบคุมเพื่อฝกอบรมที่ศูนยฝกและอบรมเด็กและเยาวชน เขต ๙ จังหวัดสงขลา มีกําหนด

                 คนละ ๑๐ วัน ตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชน
                 และครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๑๔๕ สวนคําขอของโจทกที่ขอใหบวกโทษจําคุกของ
                 จําเลยที่ ๒ นั้น ไมอาจบวกโทษได เนื่องจากคดีนี้ศาลรอการลงโทษจําเลยที่ ๒ คําขอดังกลาว

                 และฟองโจทกขอหาอื่นใหยก

                         โจทกอุทธรณ


                         ศาลอุทธรณภาค  ๙  แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษายืน

                         โจทกฎีกา โดยอัยการสูงสุดรับรองใหฎีกาในปญหาขอเท็จจริง


                         ศาลฎีกาพิเคราะหแลว ขอเท็จจริงที่ยุติในเบื้องตนฟงไดวา จําเลยที่ ๑ เขาไปสะกิด
                 ผูเสียหายทางดานหลัง เมื่อผูเสียหายหันมาดูก็ถูกจําเลยที่ ๑ ใชมีดฟนที่บริเวณศีรษะ ๑ ครั้ง และ

                 ถีบจนเปนเหตุใหผูเสียหายตกคูนํ้า หลังจากนั้นจําเลยทั้งสองกับนายเจษฎาขึ้นรถจักรยานยนต
                 พวงขางขับหลบหนีไป ผูเสียหายไปรับการตรวจรักษาบาดแผลที่โรงพยาบาลสิงหนคร

                 แพทยใหความเห็นวาผูเสียหายมีบาดแผลฉีกขาดที่บริเวณหนังศีรษะเยื้องไปทางดานหลัง
                 ยาวประมาณ ๕ เซนติเมตร ลึกถึงกะโหลกศีรษะแตไมมีรอยแตกที่กะโหลกศีรษะ และให

                 ผูเสียหายนอนพักที่โรงพยาบาล ๒ คืน ซึ่งตามที่โจทกฎีกาวาจําเลยทั้งสองยอมเล็งเห็นผล
                 ของการกระทําไดวาหากนายอภิเดชไมเขาชวยนําผูเสียหายขึ้นจากคูนํ้าผูเสียหายอาจถึง

                 แกความตายได จําเลยทั้งสองจึงมีความผิดฐานรวมกันพยายามฆาผูอื่น ที่ศาลอุทธรณภาค ๙
                 ไมรับวินิจฉัยในปญหานี้เปนการไมชอบนั้น เห็นวา ขอเท็จจริงที่โจทกอางวาจําเลยทั้งสอง

                 ไดกระทําผิดในสวนนี้โจทกมิไดบรรยายไวในคําฟองใหจําเลยทั้งสองเขาใจขอหา
                 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๘ (๕) ซึ่งขอเท็จจริงในความผิด

                 ฐานรวมกันพยายามฆาผูอื่นที่โจทกบรรยายไวในคําฟองเปนเรื่องที่โจทกกลาวหาวาจําเลย
                 ทั้งสองไดกระทําผิดดวยเจตนาโดยประสงคตอผลใหผูเสียหายถึงแกความตายจากการถูกฟน

                 ดวยมีดแตกตางไปจากเรื่องที่โจทกอางในฎีกาวา จําเลยทั้งสองไดกระทําผิดดวยเจตนา




                 มกราคม - เมษายน ๒๕๖๑                                                      ๑๕๙
   165   166   167   168   169   170   171   172   173   174   175