Page 91 - คู่มือปฏิบัติงานศาลอาญาคดีทุตจริตฯ
P. 91
คู่มือการปฏิบัติงานศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ
| 80
กรณีเห็นว่าไม่สมควรอนุญาต ศาลมีอ านาจสั่งยกค าร้องขอขยาย
ระยะเวลาการแสดงตนได้ แต่ไม่มีอ านาจสั่งไม่รับอุทธรณ์ (ข้อบังคับของประธานศาลฎีกาฯ
ข้อ ๒๖) โดยอาจให้เหตุผลในค าสั่งในค าร้องว่า
“พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ศาลพิพากษาลงโทษจ าเลยให้จ าคุก......
อันเป็นโทษสถานหนัก จ าเลยไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งที่สามารถติดต่อได้แน่ชัด พฤติการณ์
ท าให้เห็นว่าจ าเลยน่าจะหลบหนี เหตุผลที่ไม่อาจมาศาลได้ตามค าร้องไม่มีหลักฐานประกอบ
ไม่น่าเชื่อว่าจ าเลยไม่อาจมาแสดงตนได้จริง ยกค าร้อง"
และสั่งในอุทธรณ์จ าเลยว่า
“จ าเลยซึ่งมิได้ถูกคุมขังยื่นอุทธรณ์แต่ไม่มาแสดงตนต่อเจ้าพนักงาน
ศาลในขณะยื่นอุทธรณ์ ส่งอุทธรณ์พร้อมส านวนไปยังศาลอุทธรณ์ แผนกคดีทุจริตและประพฤติ
มิชอบเพื่อพิจารณาสั่งต่อไป”
ข้อสังเกต
1. ในกรณีที่ศาลไม่อนุญาตให้จ าเลยขยายระยะเวลาการแสดงตนหรือ
จ าเลยไม่มาแสดงตนภายในระยะเวลาที่ศาลอนุญาต หากไม่มีคู่ความฝ่ายอื่นยื่นอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตฯ จะมีค าสั่งไม่รับอุทธรณ์ คดีย่อมถึงที่สุด ดังนั้น การไม่มาแสดงตน
ของจ าเลยอาจถูกพิจารณาได้ว่าจ าเลยมีพฤติการณ์หลบหนี ในกรณีเช่นนี้ศาลชั้นต้นอาจมีค าสั่ง
ให้นายประกันส่งตัวจ าเลยต่อศาลทันที
2. ตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๑๙๘ วรรคสี่ ก าหนดว่า การแสดงตนไม่ใช้
บังคับแก่กรณีจ าเลยได้รับการรอการลงโทษจ าคุก หรือรับโทษจ าคุกตามค าพิพากษาครบถ้วน
แล้ว แต่ส าหรับคดีทุจริตฯ มี พ.ร.บ. วิ. ทุจริตฯ มาตรา ๔๐ วางแนวทางในการแสดงตนไว้
โดยเฉพาะแล้ว ไม่อาจน า ป.วิ.อ. มาตรา ๑๙๘ วรรคสี่ มาปรับใช้ได้ ดังนั้น จ าเลยในคดีทุจริตฯ
ที่ได้รับการรอการลงโทษจ าคุก หรือรับโทษจ าคุกตามค าพิพากษาครบถ้วนแล้ว จึงถือว่าไม่ได้ถูก
คุมขังต้องมาแสดงตนต่อศาล